คืนชีพวัด Blood Oxygen บน Apple Watch! Apple ปรับใหม่ ดูข้อมูลได้ในแอป Health บน iPhone เท่านั้น

Blood Oxygen

ในที่สุด Apple ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการนำฟีเจอร์วัดออกซิเจนในเลือด (Blood Oxygen) กลับมาสู่ Apple Watch รุ่นล่าสุดอีกครั้ง หลังจากที่ต้องถอดฟีเจอร์นี้ออกไปในรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นปี 2025 อันเนื่องมาจากข้อพิพาททางสิทธิบัตรกับบริษัทอุปกรณ์การแพทย์ Masimo

โดย Apple ยืนยันผ่านหน้า Newsroom ว่า ผู้ใช้ Apple Watch Series 9, Series 10 และ Apple Watch Ultra 2 ในสหรัฐฯ ที่ซื้อเครื่องหลังคำสั่งแบนและไม่มีฟีเจอร์นี้ จะสามารถกลับมาใช้งานได้ผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์เป็น iOS 18.6.1 บน iPhone และ watchOS 11.6.1 บน Apple Watch ซึ่งเริ่มปล่อยให้อัปเดตแล้ว

การทำงานที่เปลี่ยนไป ดูผลบน iPhone แทน

ความแตกต่างสำคัญของฟีเจอร์เวอร์ชัน "ออกแบบใหม่" นี้คือ ผู้ใช้จะไม่สามารถดูข้อมูลค่าออกซิเจนในเลือดบนหน้าปัด Apple Watch ได้โดยตรงอีกต่อไป แต่ข้อมูลที่วัดได้จากเซ็นเซอร์บนนาฬิกา จะถูกส่งไปประมวลผลและคำนวณบน iPhone ที่จับคู่ไว้ และผู้ใช้จะต้องเข้าไปดูผลลัพธ์ในแอป Health ส่วน "การหายใจ" (Respiratory) บน iPhone แทน

Apple ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้หลังจากหน่วยงานศุลกากรสหรัฐฯ (U.S. Customs) มีคำตัดสินอนุญาตให้ Apple สามารถนำเข้าและจำหน่าย Apple Watch ที่มีฟีเจอร์ซึ่งปรับแก้ใหม่นี้ได้ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ Apple Watch รุ่นที่มีฟีเจอร์นี้อยู่แล้วซึ่งซื้อก่อนคำสั่งแบนจะมีผล หรือผู้ใช้ที่ซื้ออุปกรณ์นอกประเทศสหรัฐอเมริกา

เบื้องหลังข้อพิพาทและอนาคตของฟีเจอร์สุขภาพ

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทในมหากาพย์สงครามกฎหมายระหว่าง Apple และ Masimo โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศ (ITC) ได้ตัดสินว่า Apple ละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยี Pulse Oximetry ของ Masimo ส่งผลให้มีการสั่งห้ามนำเข้า Apple Watch ที่มีฟีเจอร์ดังกล่าว ทำให้ Apple ต้องยอมปิดการใช้งานฟีเจอร์นี้ในรุ่นใหม่ๆ ที่วางขาย ซึ่งในปัจจุบัน Apple ยังคงยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของ ITC และในขณะเดียวกันก็ได้ฟ้องกลับ Masimo ในข้อหาลอกเลียนแบบฟีเจอร์ของ Apple Watch ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนเองเช่นกัน

แม้จะนำฟีเจอร์กลับมาในรูปแบบที่ปรับแก้แล้ว Apple ก็ยังคงเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาฟีเจอร์ด้านสุขภาพอื่นๆ เช่น การแจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea), แอป ECG, การตรวจจับการล้ม (Fall Detection) และอีกมากมาย เพื่อตอกย้ำว่า Apple Watch ยังคงเป็นอุปกรณ์ชั้นนำด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน

ที่มา: Apple, TechCrunch 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ปฏิวัติวงการวัสดุศาสตร์! นักวิจัยสร้าง ‘Structural Color’ เปลี่ยนสีได้ดั่งใจ ไม่พึ่งสารเคมี

นักวิจัย University of Florida พัฒนาวัสดุอัจฉริยะเปลี่ยนสีได้ทันทีด้วย Vanadium Dioxide ไม่ง้อสีย้อมเคมี ใช้หลักการ Structural Color ประยุกต์ใช้ได้ทั้งสิ่งทอ แฟชั่น และชุดพรางตัวทห...

Responsive image

เจาะดีล Netflix เข้าซื้อ Warner Bros ทำไมถึงยอมจ่ายมากถึง 8.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำไมหลายคนไม่เห็นด้วย

นับเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการบันเทิงหนัง Netflix เจ้าตลาดสตรีมมิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ซึ่งนับรวมถึงสตูดิโอสร้างภาพยนตร์-โทรทัศน์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง HBO Max และ HBO ด...

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...