Arina Voronova ศิลปินหญิงในนิวยอร์กได้สร้างโครงการสตรีทอาร์ตเพื่อส่งเสริมความรักและการสนับสนุนการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเวลาที่ยากลำบากจากการเเพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ของผู้คนที่อาศัยอยู่ใน นิวยอร์ก
ที่ไซต์ก่อสร้างทางฝั่งตะวันออกมีโปสเตอร์หลายชุดแสดงรูปคนจูบกันในขณะที่สวมหน้ากากผ่าตัด เรียกได้ว่าเป็น ศิลปะในยุคของวิกฤตการเพร่ระบาด COVID-19 เลยก็ว่าได้ หลังจากรัฐบาลมีการประกาศปิดมหานครนิวยอร์กอย่างเต็มรูปแบบ ในช่วงวิกฤตที่ทุกคนต่างหวาดกลัวและท้อใจคุณ Arina Voronova ช่างภาพท้องถิ่นได้พยายามที่จะนำเสนอภาพถ่ายแห่งความรักที่สื่อถึง ความรักในเพื่อมนุษย์โดยไม่เเบ่งเเยก เพศ หรือ เชื้อชาติ ในเวลาที่ยากลำบากภายใต้แคมเปญ The Act of Love ซึ่งเป็นแคมเปญศิลปะที่ถูกนำมาเผยเเพร่บนท้องถนนทั่วแมนฮัตตันและบรูคลิน
นอกจากการนำเสนอภาพถ่ายที่น่าสนใจสื่อความหมายมากมายในยามวิกฤต ที่ไม่ใช่เพียงความรักแต่รวมถึงรักที่ไม่เเบ่งเเยกเชื้อชาติ รักที่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของเพื่อนมนุษย์เมื่อทุกคนต้องเจอปัญหา อีกสิ่งที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียลคือ คำพูดกำลังใจที่ไม่เเบ่งเชื้อชาติของศิลปินท่านนี้ซึ่งมีให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในอเมริกาไม่ว่าจะเป็นคนที่มาจากประเทศใดก็ตาม คำพูดและ แคมเปญ The Act of Love นี้ถูกแชร์และพูดถึงในนิวยอร์กเป็นจำนวนมาก Voronova กล่าวว่า
ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์กำลังหาวิธีรักษาไวรัสอย่างสุดความสามารถในช่วงนี้ สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนสามารถช่วยกันได้ในยามวิกฤตคือการมีสิติ สร้างพลังใจ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ในขณะที่มีผู้โพสต์เรื่องราว ๆนี้ของคุณ Voronova 500 คนบนโซเชียลก็ได้ส่งต่อไปเเละเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีก 500 คนจะกระจายไปทั่วนิวยอร์กในเดือนนี้ นอกจากแคมเปญนี้จะสื่อถึงการให้กำลังใจด้วยความรักและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเเบบไม่เเบ่งเเยกเชื้อชาติ คุณ Voronova ยังหวังว่าสิ่งที่เธอสื่อสารออกไปจะสามารถช่วยเป็นเสียงให้คนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กในการเลือกปฏิบัติที่คนอเมริกันเชื้อสายเอเชียกำลังประสบอยู่ในขณะนี้
เธอกล่าว“เมื่อคนส่วนใหญ่ในอเมริกาคิดถึงเรื่องเชื้อไวรัส COVID-19 ในช่วงเวลานี้ ผู้คนส่วนมากเลือกที่จะไม่เดินผ่านไชน่าทาวน์ของนิวยอร์ก”ทั้งที่เชื้อไวรัสสามารถเเพร่กระจายไปได้ทุกที่ และอาจเกิดขึ้นได้ทุกที่เช่นกัน แต่ผู้คนกลับมีปฎิกิริยากับพื้นที่เฉพาะที่มีคนต่างถิ่นอาศัยอยู่แต่นี้คงไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรเพราะทุกคนต่างหวาดกลัว แต่สิ่งที่เเย่คือการปฎิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมโดยไม่มีเหตุผลต่อกลุ่มคนเอเชีย ที่ถูกเลือกปฎิบัติ
นับตั้งแต่มีข่าวของการเเพร่ระบาด COVID-19 ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียในนิวยอร์กบางคนประสบอาชญากรรมจากการถูกเกลียดชัง คนหนึ่งถูกโจมตีเพราะสวมหน้ากากใบหน้า ในอีกกรณีหนึ่งชายคนหนึ่งฉีดกระป๋อง Febreze ใสอีกผู้โดยสารที่สถานีรถไฟใต้ดิน Voronova กล่าวว่า
ไวรัสไม่ได้มีเพศเชื้อชาติหรือสัญชาติมันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเเละมีอยู่ทั่วไป ทุกคนมีความเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตเเละจิตใจเหมือนกันไม่มีเเบ่งว่ามาจากไหนหรือควรถูกเลือกปฎิบัติ
ความวิตกกังวลทางสังคมที่ชาวอเมริกันกำลังประสบทำให้หลายคนรวมถึงเธอพลาดสิ่งที่สำคัญที่เพื่อนมนุษย์ควรมีให้กันไป ณ ช่วงเวลาหนึ่งเมื่อขาดสติ คือ “ ความรักความเมตตาและความอดทน เข้มเเข็ง” เธอกล่าว
โครงการนี้เป็นเครื่องเตือนใจเราทุกคนว่าเป็นมนุษย์คืออะไร และควรมีสติรับมือกับปัญหาที่สำคัญที่สุดในโลกปัจจุบันด้วยความรักและความเห็นอกเห็นใจ ไม่ใช่ความเกลียดชัง
จุดเริ่มต้นของโครงการนี้เกิดจากการเหยียดเชื้อชาติที่เพื่อนชาวเอเชียอเมริกันของเธอต้องเจอ เป็นเเรงบันดาลใจให้เธอลุกขึ้นมาเพื่อสร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายที่เรียบง่ายนี้ เธอเริ่มจากการไปค้นหาหน้ากากอนามัยสำหรับโครงการภาพถ่ายของเธอ แต่หลังจากเดินหาซื้อหน้ากากอนามัย 23 ร้านค้าทั่วนิวยอร์ก Voronova กลับพบว่าทุกร้านไม่มีหน้ากากอนามัยขายเลยเนื่องจากมีปัญหาและการสั่งซื้อทางออนไลน์อาจต้องรอนานหลายเดือน แต่ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์เธอพบหน้ากากอนามัยขายในฟลัชชิงทำให้เธอได้เริ่มต้นโครงการถ่ายภาพโดยการถือกล้องคู้ใจไปตามแต่ละที่ในเมือง Voronova เดินเข้าหาคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักบนถนนซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่กับลูก ๆ ของพวกเขาในย่านใกล้เคียงนิวยอร์กหลายแห่ง เธอถามกับผู้คนที่เธอเจอบนถนนว่า:“ คุณต้องการมีส่วนร่วมในโครงการของฉันหรือไม่” และเสนอหน้ากากอนามัยให้สวมใส่ “เพื่อสนับสนุนการป้องกันการเเพร่ของเชื้อไวรัสเบื้องต้นตามชุมชนและในระดับโลก”
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มมิติและทัศนคติที่แตกต่างให้กับสถานการณ์วิกฤต COVID-19 ที่เราเห็นในข่าว “ฉันเเค่ต้องการนำเสนอมุมมองของการเป็นมนุษย์” Voronova กล่าว “ เป้าหมายคือเพื่อแสดงความรักและพลังบวกเพื่อเป็นกำลังใจรวมถึงการสนับสนุนให้ทุกคนช่วยเหลือกันต่อทุกประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา”
ภาพถ่ายบางส่วนเป็นเพื่อนของศิลปินและบางส่วนเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่เคยสนิดกัน “ มันกลับกลายเป็นว่าพวกเขาส่วนใหญ่ชอบแนวคิดและเพื่อน ๆ หลายคนมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้” เธอกล่าว
ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่พูดถึงงานนี้หลังจากถ่ายรูป "เรามีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงและแบ่งปันสิ่งดีๆ”
ขอบคุณข้อมูล: theguardian.com
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด