อัปเดตโครงการ Nexus โอนเงิน 5 ประเทศในระบบเดียว คาดใช้ได้ใน 2-3 ปี ไทย มาเลฯ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย | Techsauce

อัปเดตโครงการ Nexus โอนเงิน 5 ประเทศในระบบเดียว คาดใช้ได้ใน 2-3 ปี ไทย มาเลฯ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย

สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า ระบบชำระเงินข้ามพรมแดนแบบเรียลไทม์ที่จะช่วยให้ประชาชนใน 5 ประเทศเอเชีย ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย สามารถโอนเงินถึงกันได้ทันที คาดว่าจะเปิดตัวในอีก 2-3 ปี โดยโครงการนี้อยู่ภายใต้การพัฒนาของ Nexus Scheme ซึ่งริเริ่มโดยธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ขณะที่อินโดนีเซียได้เข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์

โครงการนี้มุ่งสนับสนุนการค้าและอีคอมเมิร์ซในภูมิภาค โดยเฉพาะการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก 

คุณนายณพงศ์ธวัช โพธิกิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าปัจจุบัน ธนาคารกลางของทั้งห้าประเทศกำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินการระบบดังกล่าว และจะคัดเลือกผู้ดำเนินงาน รวมถึงพัฒนาระบบในขั้นตอนต่อไป คาดว่าโครงการจะเริ่มใช้งานได้ภายใน 2-3 ปี

ในช่วงแรก ระบบจะรองรับการโอนเงินจำนวนเล็กน้อยก่อน เพื่อแก้ไขข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ก่อนจะขยายขอบเขตการใช้งานให้รองรับประชาชนจำนวนมากขึ้นในอนาคต “ระบบนี้จะเปรียบเสมือน Hub ที่ทุกประเทศสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ง่ายขึ้น” คุณณพงศ์ธวัชกล่าว

ข้อได้เปรียบของ Nexus

ปัจจุบัน ประเทศสมาชิกแต่ละประเทศมีระบบชำระเงินของตัวเอง เช่น PromptPay ของไทย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคารได้ทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ ระบบนี้ได้เชื่อมต่อกับ PayNow ของสิงคโปร์แล้ว ทำให้การโอนเงินระหว่างสองประเทศเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม การเชื่อมโยงแบบทวิภาคี (bilateral linkages) การเชื่อมโยงระบบชำระเงินระหว่างสองประเทศโดยตรง อาจไม่คุ้มค่าในบางกรณี เพราะต้องใช้เวลาในการพัฒนา และปริมาณธุรกรรมระหว่างบางประเทศอาจไม่สูงมากนัก 

ในทางกลับกัน โครงการ Nexus ที่เป็นระบบเชื่อมโยงแบบพหุภาคีจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ “การเชื่อมต่อเพียงครั้งเดียวกับ Nexus จะทำให้แต่ละประเทศสามารถเชื่อมโยงกับทุกประเทศในเครือข่ายได้ทันที”

รองรับนักท่องเที่ยวและขยายการใช้ QR Code

ประเทศไทยยังเดินหน้าขยายการใช้ระบบชำระเงินด้วย QR Code ระหว่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการรายย่อย โดยนักท่องเที่ยวจากบางประเทศสามารถใช้แอปพลิเคชันในประเทศของตนสแกน QR Code เพื่อชำระเงินในไทยได้ทันที 

ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เชื่อมโยงระบบ QR Payment กับประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซียและสิงคโปร์ และกำลังพัฒนาระบบเชื่อมโยงกับอินเดีย เพื่อตอบสนองจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียที่เพิ่มขึ้นในไทย

การใช้งาน PromptPay ในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2566 มีการทำธุรกรรมผ่านระบบนี้เกือบ 20,000 ล้านรายการ นายณพงศ์ธวัชเน้นย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลมีความสำคัญ เนื่องจากข้อมูลการทำธุรกรรมจะช่วยสร้างประโยชน์ในระยะยาว “เมื่อคนใช้การชำระเงินดิจิทัล พวกเขาจะมี Digital Footprint ในประวัติการทำธุรกรรม ซึ่งข้อมูลนี้สามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ในอนาคต”

อ้างอิง: asia.nikkei

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ซีอีโอ Nike เผย 3 สิ่งที่ทำบริษัทพลาดมาตลอดจนทำให้ไนกี้ไม่เหมือนเดิม

ปลายปี 2024 ที่ผ่านมา Nike เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั่นคือ การลาออกของ John Donahole ในตำแหน่งซีอีโอ และได้ลูกหม้ออย่าง Elliott Hill ที่เริ่มทำงานกับ Nike มาอย่างยาวนานขึ้นมารับ...

Responsive image

กูเกิลปรับนิยาม "Googleyness" ใหม่ ซีอีโอเน้นกล้าคิด กล้าทำ มีเป้าหมาย เป็นคุณสมบัติที่มองหา

"Googleyness" คำที่เคยใช้อธิบายความเป็นกูเกิล ได้รับการปรับความหมายใหม่ในปี 2024 โดย Sundar Pichai ซีอีโอของกูเกิลเอง เพราะที่ผ่านมาคำนี้ค่อนข้างกว้างและไม่ชัดเจน ในการประชุม Pich...

Responsive image

ญี่ปุ่นคิดค้น ‘เครื่องอาบน้ำมนุษย์’ อาบและเป่าแห้งเพียง 15 นาที

หมดข้ออ้างขี้เกียจอาบน้ำแล้ว บริษัท Science Co. ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตหัวฝักบัวจากญี่ปุ่น ได้เปิดตัว “เครื่องซักมนุษย์แห่งอนาคต” หรือ Mirai Ningen Sentakuki...