ธนาคารกรุงศรี เปิด 5 กลยุทธ์ เร่งสร้างการเติบโต อย่างยั่งยืนในตลาดใหม่ สอดรับแนวโน้ม Mega Trend | Techsauce

ธนาคารกรุงศรี เปิด 5 กลยุทธ์ เร่งสร้างการเติบโต อย่างยั่งยืนในตลาดใหม่ สอดรับแนวโน้ม Mega Trend

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ประกาศแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ปี 2564 - 2566 มุ่งสู่การเป็น 'สถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน' เดินหน้าขับเคลื่อนด้วย 5 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยพิจารณาจากความสำเร็จของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเมกะเทรนด์ของโลก พร้อมดึงศักยภาพจากการประสานพลังระหว่างความเชี่ยวชาญและเครือข่ายระดับโลกของ MUFG เข้ากับจุดแข็งอันโดดเด่นของกรุงศรี เพื่อการเติบโตที่อย่างยั่งยืน 

คุณเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา ในฐานะสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบของประเทศไทย (Domestic Systemically Important Bank: D-SIB) กรุงศรีได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความช่วยเหลือและลดภาระทางการเงินของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ขณะเดียวกัน กรุงศรีก็ยังสามารถส่งมอบผลประกอบการที่น่าพอใจ และเมื่อมองย้อนกลับไปที่แผนธุรกิจระยะกลางฉบับที่ 2 ซึ่งครอบคลุมปี 2561-2563 ที่ผ่านมา เราสามารถบรรลุเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็นกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศไทย โดยได้รับการยกย่องให้เป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ พร้อมด้วยคุณภาพของสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง การเร่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากพิจารณาจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นและความท้าทายต่าง ๆ ในช่วงแผนธุรกิจระยะกลางที่ผ่านมา รวมถึงปัจจัยจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 และผลกระทบที่ยืดเยื้อ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของสภาวะตลาดและภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก กรุงศรีจึงได้กำหนดแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ซึ่งครอบคลุมปี 2564-2566 ด้วยจุดมุ่งหมายสู่การเป็น “สถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน”   

กลยุทธ์ธุรกิจ 3 ปี (2564-2566)

ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ 3 ปี (2564-2566) กรุงศรีมุ่งให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่กับการเร่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดใหม่ ๆ ภายนอกประเทศ โดยได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ 5 ประการ 

1) การปฏิรูปธุรกิจลูกค้ารายย่อยให้เป็นหนึ่งเดียว (One Retail Transformation) โดยอาศัยฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ของกรุงศรีเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าและสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับประสบการณ์ลูกค้าในทุกช่วงชีวิต  

2) การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจด้านลูกค้าธุรกิจ (Commercial Business Enhancement) ผ่านการเร่งสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับห่วงโซ่ธุรกิจ (value chains) และการให้บริการข้ามกลุ่มลูกค้า  

3) การสร้างระบบนิเวศของกรุงศรีเองและการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ (Ecosystem and Partnership) เพื่อขยายฐานลูกค้า 

4) การขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Expansion) เปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับกรุงศรีและลูกค้าในตลาดอาเซียน โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการลงทุนและการช่วยเหลือลูกค้าในการแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในอาเซียน และ

5) การสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ (New Revenue Stream) โดยอาศัยความแข็งแกร่งและศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาของกรุงศรีในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นใหม่ ๆ โดยได้วางงบลงทุนสำหรับพัฒนาระบบดิจิตอลต่างๆไว้ที่ปีละประมาณ 8,000-8,500 ล้านบาท และจะพยายามลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นออกไป 

ทิศทางธุรกิจปี 2564 ภายใต้แรงกดดันจาก COVID-19 

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ภายใต้ภาวะความไม่แน่นอนจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย กรุงศรียังคงมุ่งให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือลูกค้า การรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้แข็งแกร่งต่อเนื่อง และการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าสู่เส้นทางใหม่ตามแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ เพื่อก้าวสู่การเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน ซึ่งพร้อมเป็นพันธมิตรที่คอยช่วยเหลือและเชื่อมโยงทุกความต้องการด้านการเงินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างครอบคลุมทั่วภูมิภาค

พร้อมกันนี้ในปี 2564 กรุงศรีคาดว่าเงินให้สินเชื่อจะเติบโตในระดับ 3-5% และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่3.1 – 3.3% การเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา และอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.7% 

ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังชะลอตัว

การระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังคงชะลอตัว อย่างไรก็ตามการเติบโตในภาพรวมจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2564 จากหลายปัจจัยเกื้อหนุน ซึ่งรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐการฟื้นตัวของอุปสงค์จากต่างประเทศตามวัฏจักรเศรษฐกิจ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค และโครงการการแจกจ่ายวัคซีนต้าน COVID-19

ส่วนเศรษฐกิจอาเซียนจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่น โดยมีปัจจัยหลักจากอุปสงค์จากต่างประเทศ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศการลงทุนของภาครัฐ และการขยายเศรษฐกิจสู่ระดับภูมิภาค

ขณะนี้เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่การระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ส่งผลให้ความเสี่ยงในภาคอุตสาหกรรมบริการเพิ่มสูงขึ้นอย่างไรก็ดีความแข็งแกร่งของภาคการผลิต ประกอบกับมาตรการต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะยังคงเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ








ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

4 THAI (For Thailand) Techsauce เผยกลยุทธ์เชื่อมรัฐ เอกชน ดันประเทศไทยเป็น Tech Gateway

Techsauce เผยกลยุทธ์ 4 THAI ผสานรัฐ-เอกชน เร่งไทยเป็น Tech Gateway ของภูมิภาค พร้อมยก Techsauce Global Summit เป็นศูนย์กลางงานเทคโนโลยีระดับโลกจากไทย...

Responsive image

Krungsri Finnovate เปิด 4 ดีลความภาคภูมิใจระดับเอเชีย

Krungsri Finnovate เปิด 4 ดีล แห่งความภาคภูมิใจที่ลงทุนผ่านกองทุน Finnoventure Private Equity Trust I จุดสตารท์วงการ Startup ให้คึกคัก...

Responsive image

สรุป Microsoft Build เยือน ‘ไทย-อินโด-มาเลย์’ ลงทุนประเทศไหน ‘มากที่สุด’

Satya Nadella CEO ของ Microsoft ก็เดินทางมาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน Microsoft Build: AI Day เรามาดูกันว่าในบรรดา 3 ประเทศที่ Microsoft เลือกลงทุนนี้ ใครจะได้อะไรไปบ้าง...