BGRIM ชูผลประกอบการ Q1/65 รายได้พุ่ง 41% กำไร 23 ล้านบาท รุกเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ 1,000 MW | Techsauce

BGRIM ชูผลประกอบการ Q1/65 รายได้พุ่ง 41% กำไร 23 ล้านบาท รุกเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ 1,000 MW

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน  บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด  (มหาชน)  หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2565 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจาก 

1.ปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ 

2.ราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น 

3.ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าที่เติบโตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทยและ สปป. ลาว 

BGRIM ชูผลประกอบการ Q1/65 รายได้พุ่ง 41% กำไร 23.30 ลบ. รุกเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ 1,000 MW

ด้านกำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 23 ล้านบาท ลดลง 96.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม (SPP) ที่ลดลงจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนในขณะที่การปรับตัวของราคาขายเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้มาร์จิ้นจากการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง 

อย่างไรก็ตาม บี.กริม เพาเวอร์ ได้มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเตรียมการนำเข้าLNG ภายใต้สัญญาระยะยาวตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป และไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาTerminal Usage Agreement กับ PTT LNG การควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งองค์กร การขยายธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม และการเติบโตจากเกือบทุกกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมหลัก 

BGRIM ชูผลประกอบการ Q1/65 รายได้พุ่ง 41% กำไร 23 ล้านบาท รุกเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ 1,000 MW

รุกนำเทคโนโลยี Digital Twins-Siemens มาใช้ในการบำรุงรักษาโรงงาน

โดยประเมินว่าปริมาณการซื้อไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมจะเติบโตประมาณ 10-15% ในปีนี้ รวมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ทั้งการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโครงการเดิม (SPP Replacement) ทั้ง 5 โครงการที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะลดอัตราการใช้ก๊าซลงราว 15% การปรับปรุงโรง BPWHA และ ABP4 รวมทั้งการนำเทคโนโลยี Digital Twins ร่วมกับ Siemens มาใช้ในการบำรุงรักษาโรงงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย

จากสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเหตุการณ์ข้างต้น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จึงได้มีการประกาศขึ้นค่าไฟฟ้าตามสูตร (ค่า Ft) 2 ครั้ง เริ่มจาก 16.17 สตางค์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในเดือน ม.ค. และ 23.38 สตางค์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงในเดือน พ.ค. และคาดว่าจะปรับอีกครั้งในเดือน ก.ย. ด้วยเหตุนี้ประกอบกับการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 88 เมกะวัตต์ ของกลุ่ม reNIKOLA ประเทศมาเลเซีย จะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2565 จะเป็นปัจจัยสนันสนุนผลการดำเนินการในช่วงเวลาที่เหลือของปี 

ด้านการเตรียมความพร้อมภายใต้สมมติฐานสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บี.กริม เพาเวอร์ มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 53 โครงการ การได้รับการอนุมัติขยายวงเงินหุ้นกู้เป็นไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี (พ.ศ. 2565-2569) จากที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา และการสนับสนุนจากหลายสถาบันการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมและความคล่องตัวในการบริหารด้านการเงิน รองรับการเติบโตของธุรกิจ และโอกาสในการลงทุนที่จะเข้ามาในอนาคต 

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ยังมีการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ โดยในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกลุ่มทรู เพื่อร่วมมือพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจพลังงาน ประกอบด้วย 

1) การพัฒนาระบบโครงการพื้นฐานดิจิทัลด้วยพลังงานอัจฉริยะ 

2) การพัฒนาโครงการนวัตกรรม Smart Grid ผ่านเทคโนโลยี 5G 

3) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

4) การพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่และการส่งเสริมสตาร์ทอัพในประเทศไทย

ส่วนความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในปีนี้มีอีกหลากหลายโครงการ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา เฟส 1 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 18 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้าง 65% โดยมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2565 และโครงการโรงไฟฟ้า BGPAT2 & BGPAT3 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งแห่งละ 140 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2566 

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งหมด 53 โครงการ โดยมีเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตรวมของโครงการใหม่ ไม่น้อยกว่า 1 กิกะวัตต์ภายในปีนี้ ทั้งจากโครงการที่ก่อสร้างใหม่และการเข้าซื้อกิจการตั้งอยู่ในหลากหลายประเทศ โดยยังคงเป้าหมายการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 7,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 และ 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

บล.พาย โตต่อเนื่อง ยอดเปิดบัญชีใหม่เพิ่ม 40% ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาด TFEX

บล.พาย (Pi) เผยยอดเปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นราว 40% ยอดดาวน์โหลดแอป Pi Financial ที่เปิดตัวในปี 2567 ก็มีมากกว่า 140,000 ครั้ง และข้อมูลอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงการเติบโตต่อเนื่อง แล้วในปี 25...

Responsive image

OpenAI เปิดตัว GPT-4.5 ‘Orion’ โมเดล AI ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท

เปิดตัว GPT-4.5 "Orion" โมเดล AI ที่ใหญ่ที่สุดของ OpenAI ด้วยความแม่นยำและการเข้าใจภาษามนุษย์ที่ล้ำสมัย พร้อมให้บริการ research preview สำหรับผู้ใช้ ChatGPT Pro และ API...

Responsive image

Krungsri อัดฉีดสินเชื่อ 250,000 ลบ. สนับสนุนโครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน ดัน Low-Carbon Economy

กรุงศรี กับการก้าวสู่ปีที่ 80 เดินหน้าสู่เป้าหมาย “ยืนหนึ่งการเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” ประกาศตัวเลขใหม่ในการสนับสนุนโครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน ถึง 25...