บริษัทเทคฯใหญ่ร่วมใจ ตัดผู้บริหารระดับกลางลดต้นทุน ผู้เชี่ยวชาญห่วงผลเสียระยะยาว | Techsauce

บริษัทเทคฯใหญ่ร่วมใจ ตัดผู้บริหารระดับกลางลดต้นทุน ผู้เชี่ยวชาญห่วงผลเสียระยะยาว

นอกจากจะปลดพนักงานจำนวนมหาศาล บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Meta, Amazon หรือ Salesforce กำลังลดต้นทุนด้วยการลดจำนวนผู้บริหารระดับกลางในองค์กรลง ซึ่งเป็นการทำให้องค์กรแบนราบ (Flat) แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงในระยะยาว

ทำไมบิ๊กเทคฯ ถึงปรับลดผู้บริหารระดับกลาง 

จากความต้องการลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากขาดทุนและความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลายบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีตั้งเป้าให้ปี 2023 เป็น ‘ปีแห่งประสิทธิภาพ’ นั่นก็คือบริษัทจะพยายามลดค่าใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น ตัดโครงการที่ไม่มีประสิทธิภาพ และปรับลดพนักงานลง

ทั้ง Mark Zuckerberg CEO ของ Meta และ Andy Jassy CEO ของ Amazon ก็ต่างประกาศเป้าหมายของพวกเขาในปีนี้ว่าจะต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้านการใช้จ่าย และการย้ายผู้บริหารจำนวนมากให้เข้าสู่บทบาทที่เรียกว่า ‘individual contributors’ นั่นก็คืองานที่ไม่มีลูกน้อง ก็เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างประสิทธิภาพ เพื่อจะได้เติมเต็มตำแหน่งอื่น ๆ แทน เช่น Developer Sale เป็นต้น

ในด้านของ Meta ซึ่งประกาศจุดยืนชัดว่าปีนี้ต้องมีประสิทธิภาพ ด้วยการลดขนาดและปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความแบนราบมากขึ้น และลดสถานะผู้บริหารระดับกลางลง ซึ่ง Mark Zuckerberg เชื่อว่าลำดับชั้นของการจัดการที่น้อย จะทำให้งานสนุกมากขึ้น นอกจากนั้นยังมองว่าผู้บริหารระดับกลางไม่มีความจำเป็น 

"ผมไม่คิดว่าคุณต้องการโครงสร้างการจัดการที่มีเพียง ผู้จัดการที่จัดการผู้จัดการที่จัดการผู้จัดการที่จัดการ คนที่กำลังทำงาน"  Mark Zuckerberg 

ที่ Twitter หลังจากเข้าซื้อกิจการ Elon Musk ตอบคำถามเมื่อมีคนถามเขาว่าอะไรใน Twitter ที่วุ่นวายที่สุด ณ ตอนนั้น ซึ่ง Musk ตอบว่า ‘คนเขียนโค้ดสิบคน ทุกคนมีผู้จัดการหมด’ หลังจากนั้นเขาจึงสั่งให้ผู้จัดการพวกนั้นเขียนโค้ดด้วย นอกจากทำงานด้านบริหาร

เช่นเดียวกัน Amazon เองก็กำลังพิจารณาขอบเขตการควบคุม (Span of control) หรือ จำนวนผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงภายใต้ผู้จัดการแต่ละคน Salesfoce ก็ได้ลดบทบาทและอำนาจของผู้จัดการลงเหมือนกัน เพื่อลดความซับซ้อนของสายบังคับบัญชาและเพิ่มประสิทธิภาพ

ผู้เชี่ยวชาญมองผลกระทบระยะยาวหากไม่มีผู้จัดการ

การปรับลดผู้บริหารระดับกลาง ทำให้การตัดสินใจเร็วขึ้น สามารถออกผลิตภัณฑ์บริการสู่ผู้บริโภคได้เร็วกว่าเดิม และผู้บริหารเหล่านั้นสามารถมุ่งเน้นไปที่การฝึกสอนพนักงานแทนที่จะคอยดูแลควบคุมพวกเขาอย่างเดียว 

แม้จะมีข้อดี แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการปรับโครงสร้างแบบ flattening เป็นแนวโน้มที่เหมาะสมในระยะสั้น แต่อาจมีผลลบต่อบริษัทเหล่านี้ในระยะยาว เพราะการกำจัดผู้บริหารระดับกลางอาจส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กร และในที่สุดแล้วมันอาจทำให้ผลงานของบริษัทโดยรวมลดลง

ผู้บริหารระดับกลางคือบันไดสู่จุดสูงสุดในอาชีพ

ตัวอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ : ความก้าวหน้าในอาชีพ เพราะพนักงานรุ่นใหม่ต่างรับรู้และเชื่อว่าการเดินทางไปสู่ระดับผู้จัดการเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเข มีความทะเยอทะยานเพื่อเป็นผู้บริหารองค์กรในอนาคต แต่ถ้าบริษัทกำลังกำจัดตำแหน่งผู้จัดการออก แล้วเส้นทางในอาชีพตอนนี้จะมีภาพอย่างไร ? 

ผู้บริหารระดับกลาง คือ “ผู้กำหนดแนวทางวัฒนธรรมขององค์กร”

ผู้จัดการระดับกลางยังมีอิทธิพลในการกำหนดวัฒนธรรมขององค์กรและอาจส่งผลต่อความรู้สึกผูกพันกับงานที่ทำของพนักงานด้วย

การวิเคราะห์ที่ทำโดย Gallup บริษัทวิเคราะห์และให้คำปรึกษาด้านองค์กรระดับโลก เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของพนักงานพบว่า สิ่งที่กำหนดความรู้สึกของพนักงานเกี่ยวกับงานของพวกเขาคือไดนามิกของทีม ไม่ใช่ทั้งองค์กร ซึ่งหมายถึงพลัง ความคิด ความกระตือรือร้น และผู้จัดการระดับกลางจะเป็นผู้กำหนดจังหวะและน้ำเสียงนั้น

นอกจากนั้นรายงานของ Ito พบว่าการลดจำนวนชั้นบริหารมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเป็นภาระหนักแก่ผู้บริหารที่เหลือให้มีงานมากเกินไปและไม่สามารถสอนหรือแนะแนวทางต่างๆและควบคุมดูแลผู้ร่วมทีมโดยตรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน ผู้จัดการที่มีประสิทธิภาพยังสามารถนำลูกทีมดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

"ผู้บริหารที่ดีและมีความสัมพันธ์กับทีมที่แข็งแกร่งสามารถนำทีมของพวกเขาไปสู่ผลงานขององค์กรที่ดีขึ้น สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นส่วนเชื่อมโยงระหว่างวิสัยทัศน์และการดำเนินงานขององค์กรได้"

นอกจากนี้หลายๆบริษัทยังมีการเน้นให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศ โดยเฉพาะกลุ่มบิ๊กเทคฯ ซึ่งหากไม่มีผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพ การรักษาวัฒนธรรมของบริษัทในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดจะยิ่งยากลำบากขึ้น 

อ้างอิง : businessinsider

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

NVIDIA เปิดตัว Jetson Orin Nano Super Developer Kit ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI จิ๋ว เตรียมใช้ในหุ่นยนต์ AI

NVIDIA กำลังก้าวไปในสู่โลกของหุ่นยนต์อย่างเต็ม หลังเมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวของสำคัญหลายอย่างทั้ง Blackwell ชิปกราฟิกประสิทธิภาพสูงสำหรับประมวลผล AI โดยเฉพาะ ไปจนถึง Pro...

Responsive image

Openspace กองทุนแห่ง SEA ตั้งเป้า 2 ปี ลงทุนสตาร์ทอัพไทยไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

โอเพ่นสเปซ (Openspace) กองทุนที่ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ SEA ประกาศแผนลงทุนในสตาร์ทอัพไทย ส่งเสริมระบบนิเวศสตาร์ทอัพไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ในช่วงปี พ.ศ. 2568 - 2569...

Responsive image

ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นจับมือ! Honda-Nissan เตรียมควบรวมกิจการ

รายงานระบุว่า ทั้งสองบริษัทกำลังพิจารณารวมตัวกันภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามข้อตกลงในเร็วๆ นี้ โดยมีแผนจะดึงมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นิสสันถือหุ้น 24% เข้ามาร่วมด้วย เพื...