
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกในปี 2025 ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรม แต่สำหรับ BINANCE TH by Gulf Binance กลับมองสถานการณ์นี้เป็นเพียงจุดเปลี่ยนสำคัญในการคัดกรองตัวจริงของตลาด คุณนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และทีมผู้บริหาร ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Bitazza ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มซื้อขาย แต่คือผู้วางรากฐาน Ecosystem สินทรัพย์ดิจิทัลของไทยให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
แม้จะเริ่มต้นปีด้วยความท้าทายในช่วง Soft Launch ที่ต้องเร่งปรับปรุงระบบพื้นฐาน แต่ Binance TH สามารถพลิกสถานการณ์และสร้างการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยคุณนิรันดร์เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้งานที่ผ่านการยืนยันตัวตน (KYC) เติบโตขึ้นถึง 7.1 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) ตลอดทั้งปีก็พุ่งสูงขึ้นกว่า 5.5 เท่า นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังสามารถครองส่วนแบ่งยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันคริปโทฯ สูงสุดในไทย เฉลี่ย 40% และเคยพุ่งแตะระดับสูงสุดถึง 60% ในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยที่มีต่อแพลตฟอร์ม
ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ 3 กลยุทธ์หลักที่บริษัทใช้เป็นเข็มทิศในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ การพัฒนาแพลตฟอร์ม การยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ และการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้

เป้าหมายสำคัญของ Binance TH คือการเป็นเสมือนซูเปอร์มาร์เก็ตของโลกคริปโทฯ ที่ครบวงจรที่สุด โดยปัจจุบันมีเหรียญให้เลือกเทรดมากกว่า 400 เหรียญ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย รองรับนักลงทุนทุกกลุ่มตั้งแต่สาย Bitcoin, Altcoins ไปจนถึง Meme coins พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวกลุ่มเหรียญ Apex Token เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและมองหาโอกาสเติบโตจากเหรียญใหม่ๆ รวมถึงเหรียญนวัตกรรมอย่าง Sora ที่ผสานเทคโนโลยี AI สร้างวิดีโอคอนเทนต์เป็น NFT
ในมิติของโครงสร้างพื้นฐาน Binance TH ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Binance Global ทำให้ตลอดปี 2025 ระบบมีความเสถียรสูงและไม่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่ม แม้ในช่วงตลาดผันผวน ที่น่าสนใจคือปัจจุบันระบบมีการใช้ทรัพยากรไปเพียง 1.4% ของความจุทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ยังสามารถรองรับการเติบโตของฐานผู้ใช้งานได้อีกมหาศาลในอนาคต
ทางด้านประสบการณ์ผู้ใช้งาน บริษัทมุ่งเน้นการแก้ปัญหาของนักลงทุนด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ อาทิ Easy Transfer ที่ช่วยให้การโอนเหรียญทำได้ง่ายผ่าน User ID หรือเบอร์โทรศัพท์ ลดความกังวลเรื่องการกรอกที่อยู่กระเป๋าเงินผิดพลาด นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในระบบบริการลูกค้า ซึ่งสามารถตอบคำถามและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้สำเร็จถึง 67% ส่วนกรณีที่ซับซ้อนและต้องใช้พนักงานดูแล ก็สามารถตอบกลับได้รวดเร็วภายใน 60 วินาที ส่งผลให้คะแนนความพึงพอใจจากลูกค้า (CSAT) อยู่ในระดับสูง
สำหรับเรื่องความปลอดภัยซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล Binance TH ได้ยกระดับมาตรการป้องกันด้วยการรองรับ Passkeys และระบบ Face Scan Withdrawal ที่กำหนดให้ต้องสแกนใบหน้าก่อนถอนเงิน ซึ่งมาตรการเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮกบัญชีในฝั่งลูกค้าจนสถิติแทบจะเป็นศูนย์
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี คุณลดา ปาลินทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ (CPO) ได้เปิดตัวการปรับโฉมหน้า Home Screen ครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนให้แอปพลิเคชันกลายเป็นศูนย์กลางข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ 'All-in-one Data Hub' ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาประกอบด้วย Fear and Greed Index และ Real-time Market Cap เพื่อให้นักลงทุนติดตามอารมณ์และมูลค่าตลาดได้ทันที
นอกจากนี้ ยังมีการนำ AI มาช่วยวิเคราะห์และสรุปข้อมูลผ่านฟีเจอร์ Daily Insight ที่เสิร์ฟข่าวสารสำคัญตรงถึงมือถือทุกเย็น และ Spot Highlight ที่ใช้ AI วิเคราะห์กระแสบนโซเชียลมีเดียเพื่อบอก Sentiment ของแต่ละเหรียญ ซึ่งเชื่อมต่อตรงสู่หน้าซื้อขาย ช่วยให้นักลงทุนเปลี่ยนผ่านจากการหาข้อมูลสู่การตัดสินใจลงทุนได้อย่างไร้รอยต่อ
ไฮไลต์สำคัญ คือการประกาศขยายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงแค่ Bitazza นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำที่เข้ามาเชื่อมต่อสภาพคล่องและเทคโนโลยีร่วมกันเท่านั้น แต่ยังขยายวงรวมถึง Maxbit และ The Brooker Group อีกด้วย
ความร่วมมือกับ 3 พันธมิตรหลักนี้ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยให้แข็งแกร่งขึ้นในหลายมิติ ทั้งการเสริมสภาพคล่องในตลาด การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มนักลงทุนที่มีความมั่งคั่งสูง ผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ The Brooker Group รวมถึงการสร้างมาตรฐานการกำกับดูแลร่วมกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า Binance TH ไม่ได้ต้องการเดินเกมเพียงลำพัง แต่ต้องการสร้าง Ecosystem ที่ผู้เล่นหลักในไทยสามารถเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างยั่งยืน
ในมุมมองของ คุณธนวัต สุตันติวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด ได้ขยายความถึงบทบาทความร่วมมือครั้งนี้ว่า Bitazza ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัย ความโปร่งใส และการปฏิบัติตามกรอบกำกับดูแลมาโดยตลอด การเลือกเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสภาพคล่องอย่าง Binance TH ซึ่งดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลในประเทศไทยเช่นกัน จึงสะท้อนถึงมาตรฐานในการคัดเลือกพันธมิตรที่สอดคล้องกับโครงสร้างกำกับดูแลภายในประเทศอย่างเคร่งครัด
คุณธนวัตย้ำจุดยืนของ Bitazza ในฐานะ 'Aggregator 'หรือผู้รวบรวมสภาพคล่อง โดยระบุว่าภารกิจหลักคือการผสานสภาพคล่องจากผู้ให้บริการระดับโลกเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับใบอนุญาตในไทย เพื่อให้ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะลูกค้าระดับสถาบันและลูกค้ารายใหญ่ ได้รับราคาที่แข่งขันได้ คุณภาพคำสั่งซื้อขายที่ดีขึ้น และประสบการณ์ระดับสากล นอกจากนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางกว่า 6 ปีในตลาดไทยที่มีความผันผวนสูง Bitazza ยังคงจุดแข็งในการเป็นผู้นำด้านการลิสต์เหรียญกระแสเร็วที่สุดในตลาด พร้อมความเร็วในการทำธุรกรรมที่แม่นยำ
ขณะเดียวกัน คุณปกเขตร รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Maxbit) มองว่าความร่วมมือกับ Binance TH ถือเป็นก้าวสำคัญของ Maxbit ในการผลักดันตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยให้เติบโตบนมาตรฐานที่สูงขึ้น ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย และความโปร่งใส โดยการเชื่อมต่อสภาพคล่องระหว่างแพลตฟอร์มจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายและมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งาน
คุณปกเขตรยังเน้นย้ำว่า Maxbit ยังคงเดินหน้าพัฒนามาตรการด้านความปลอดภัย ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานและการป้องกันภัยไซเบอร์ ซึ่งเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจเสมอมา การผนึกกำลังครั้งนี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และบริการใหม่ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ "เรียบง่าย ปลอดภัย และเชื่อถือได้" ในทุกขั้นตอนของการลงทุน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับทิศทางในปี 2026 ดร.กร พูนศิริวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลยุทธ์ ได้ฉายภาพปัจจัยขับเคลื่อนตลาดที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมไว้ 3 ประการสำคัญ เริ่มต้นจากความชัดเจนและความก้าวหน้าของกฎระเบียบในไทยที่จะเป็นตัวเร่งให้เกิดความเชื่อมั่น ตามมาด้วยการเข้ามามีบทบาทของสถาบันการเงินและผู้เล่นกระแสหลักที่จะนำเม็ดเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบ และสุดท้ายคือการเติบโตของ Stablecoins, Tokenization และสินทรัพย์ในโลกจริงที่ถูกแปลงเป็นดิจิทัล หรือ Real-World Assets (RWA)
ดร.กร ทิ้งท้ายว่า ปี 2026 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สินทรัพย์ดิจิทัลจะย้ายสถานะจากเพียงเครื่องมือการลงทุน สู่การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน (Daily Use Case) ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงิน หรือการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่ไร้รอยต่อกับระบบการเงินดั้งเดิม ซึ่ง Binance TH พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ยุคสมัยใหม่แห่งการเงินดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด