Binance TH เผยกลยุทธ์ปี 2026 พร้อมผนึก 3 พันธมิตรใหม่ ปูพรม RWA และ Tokenization

Binance TH

ท่ามกลางความผันผวนของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกในปี 2025 ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรม แต่สำหรับ BINANCE TH by Gulf Binance กลับมองสถานการณ์นี้เป็นเพียงจุดเปลี่ยนสำคัญในการคัดกรองตัวจริงของตลาด คุณนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และทีมผู้บริหาร ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Bitazza ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มซื้อขาย แต่คือผู้วางรากฐาน Ecosystem สินทรัพย์ดิจิทัลของไทยให้แข็งแกร่งและยั่งยืน

2025 กับการเติบโตแบบ Exponential บนรากฐานความปลอดภัย

แม้จะเริ่มต้นปีด้วยความท้าทายในช่วง Soft Launch ที่ต้องเร่งปรับปรุงระบบพื้นฐาน แต่ Binance TH สามารถพลิกสถานการณ์และสร้างการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยคุณนิรันดร์เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้งานที่ผ่านการยืนยันตัวตน (KYC) เติบโตขึ้นถึง 7.1 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) ตลอดทั้งปีก็พุ่งสูงขึ้นกว่า 5.5 เท่า นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังสามารถครองส่วนแบ่งยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันคริปโทฯ สูงสุดในไทย เฉลี่ย 40% และเคยพุ่งแตะระดับสูงสุดถึง 60% ในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยที่มีต่อแพลตฟอร์ม

ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ 3 กลยุทธ์หลักที่บริษัทใช้เป็นเข็มทิศในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ การพัฒนาแพลตฟอร์ม การยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ และการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้

ปั้นแพลตฟอร์มสู่ Crypto Supermarket ที่เสถียรและปลอดภัย

เป้าหมายสำคัญของ Binance TH คือการเป็นเสมือนซูเปอร์มาร์เก็ตของโลกคริปโทฯ ที่ครบวงจรที่สุด โดยปัจจุบันมีเหรียญให้เลือกเทรดมากกว่า 400 เหรียญ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย รองรับนักลงทุนทุกกลุ่มตั้งแต่สาย Bitcoin, Altcoins ไปจนถึง Meme coins พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวกลุ่มเหรียญ Apex Token เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและมองหาโอกาสเติบโตจากเหรียญใหม่ๆ รวมถึงเหรียญนวัตกรรมอย่าง Sora ที่ผสานเทคโนโลยี AI สร้างวิดีโอคอนเทนต์เป็น NFT

ในมิติของโครงสร้างพื้นฐาน Binance TH ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Binance Global ทำให้ตลอดปี 2025 ระบบมีความเสถียรสูงและไม่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่ม แม้ในช่วงตลาดผันผวน ที่น่าสนใจคือปัจจุบันระบบมีการใช้ทรัพยากรไปเพียง 1.4% ของความจุทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ยังสามารถรองรับการเติบโตของฐานผู้ใช้งานได้อีกมหาศาลในอนาคต

ยกระดับ User Experience ด้วย AI และความปลอดภัยขั้นสูง

ทางด้านประสบการณ์ผู้ใช้งาน บริษัทมุ่งเน้นการแก้ปัญหาของนักลงทุนด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ อาทิ Easy Transfer ที่ช่วยให้การโอนเหรียญทำได้ง่ายผ่าน User ID หรือเบอร์โทรศัพท์ ลดความกังวลเรื่องการกรอกที่อยู่กระเป๋าเงินผิดพลาด นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในระบบบริการลูกค้า ซึ่งสามารถตอบคำถามและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้สำเร็จถึง 67% ส่วนกรณีที่ซับซ้อนและต้องใช้พนักงานดูแล ก็สามารถตอบกลับได้รวดเร็วภายใน 60 วินาที ส่งผลให้คะแนนความพึงพอใจจากลูกค้า (CSAT) อยู่ในระดับสูง

สำหรับเรื่องความปลอดภัยซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล Binance TH ได้ยกระดับมาตรการป้องกันด้วยการรองรับ Passkeys และระบบ Face Scan Withdrawal ที่กำหนดให้ต้องสแกนใบหน้าก่อนถอนเงิน ซึ่งมาตรการเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮกบัญชีในฝั่งลูกค้าจนสถิติแทบจะเป็นศูนย์

ติดอาวุธนักลงทุนด้วย Data-Driven และ AI

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี คุณลดา ปาลินทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ (CPO) ได้เปิดตัวการปรับโฉมหน้า Home Screen ครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนให้แอปพลิเคชันกลายเป็นศูนย์กลางข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ 'All-in-one Data Hub' ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาประกอบด้วย Fear and Greed Index และ Real-time Market Cap เพื่อให้นักลงทุนติดตามอารมณ์และมูลค่าตลาดได้ทันที

นอกจากนี้ ยังมีการนำ AI มาช่วยวิเคราะห์และสรุปข้อมูลผ่านฟีเจอร์ Daily Insight ที่เสิร์ฟข่าวสารสำคัญตรงถึงมือถือทุกเย็น และ Spot Highlight ที่ใช้ AI วิเคราะห์กระแสบนโซเชียลมีเดียเพื่อบอก Sentiment ของแต่ละเหรียญ ซึ่งเชื่อมต่อตรงสู่หน้าซื้อขาย ช่วยให้นักลงทุนเปลี่ยนผ่านจากการหาข้อมูลสู่การตัดสินใจลงทุนได้อย่างไร้รอยต่อ

ผนึกกำลัง 3 บริษัท Bitazza, Maxbit และ The Brooker Group

ไฮไลต์สำคัญ คือการประกาศขยายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงแค่ Bitazza นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำที่เข้ามาเชื่อมต่อสภาพคล่องและเทคโนโลยีร่วมกันเท่านั้น แต่ยังขยายวงรวมถึง Maxbit และ The Brooker Group อีกด้วย

ความร่วมมือกับ 3 พันธมิตรหลักนี้ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยให้แข็งแกร่งขึ้นในหลายมิติ ทั้งการเสริมสภาพคล่องในตลาด การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มนักลงทุนที่มีความมั่งคั่งสูง ผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ The Brooker Group รวมถึงการสร้างมาตรฐานการกำกับดูแลร่วมกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า Binance TH ไม่ได้ต้องการเดินเกมเพียงลำพัง แต่ต้องการสร้าง Ecosystem ที่ผู้เล่นหลักในไทยสามารถเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างยั่งยืน

ในมุมมองของ คุณธนวัต สุตันติวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด ได้ขยายความถึงบทบาทความร่วมมือครั้งนี้ว่า Bitazza ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัย ความโปร่งใส และการปฏิบัติตามกรอบกำกับดูแลมาโดยตลอด การเลือกเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสภาพคล่องอย่าง Binance TH ซึ่งดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลในประเทศไทยเช่นกัน จึงสะท้อนถึงมาตรฐานในการคัดเลือกพันธมิตรที่สอดคล้องกับโครงสร้างกำกับดูแลภายในประเทศอย่างเคร่งครัด

คุณธนวัตย้ำจุดยืนของ Bitazza ในฐานะ 'Aggregator 'หรือผู้รวบรวมสภาพคล่อง โดยระบุว่าภารกิจหลักคือการผสานสภาพคล่องจากผู้ให้บริการระดับโลกเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับใบอนุญาตในไทย เพื่อให้ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะลูกค้าระดับสถาบันและลูกค้ารายใหญ่ ได้รับราคาที่แข่งขันได้ คุณภาพคำสั่งซื้อขายที่ดีขึ้น และประสบการณ์ระดับสากล นอกจากนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางกว่า 6 ปีในตลาดไทยที่มีความผันผวนสูง Bitazza ยังคงจุดแข็งในการเป็นผู้นำด้านการลิสต์เหรียญกระแสเร็วที่สุดในตลาด พร้อมความเร็วในการทำธุรกรรมที่แม่นยำ

ขณะเดียวกัน คุณปกเขตร รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Maxbit) มองว่าความร่วมมือกับ Binance TH ถือเป็นก้าวสำคัญของ Maxbit ในการผลักดันตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยให้เติบโตบนมาตรฐานที่สูงขึ้น ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย และความโปร่งใส โดยการเชื่อมต่อสภาพคล่องระหว่างแพลตฟอร์มจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายและมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งาน

คุณปกเขตรยังเน้นย้ำว่า Maxbit ยังคงเดินหน้าพัฒนามาตรการด้านความปลอดภัย ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานและการป้องกันภัยไซเบอร์ ซึ่งเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจเสมอมา การผนึกกำลังครั้งนี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และบริการใหม่ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ "เรียบง่าย ปลอดภัย และเชื่อถือได้" ในทุกขั้นตอนของการลงทุน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ส่องเทรนด์ปี 2026 ยุคแห่ง RWA และการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

สำหรับทิศทางในปี 2026 ดร.กร พูนศิริวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลยุทธ์ ได้ฉายภาพปัจจัยขับเคลื่อนตลาดที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมไว้ 3 ประการสำคัญ เริ่มต้นจากความชัดเจนและความก้าวหน้าของกฎระเบียบในไทยที่จะเป็นตัวเร่งให้เกิดความเชื่อมั่น ตามมาด้วยการเข้ามามีบทบาทของสถาบันการเงินและผู้เล่นกระแสหลักที่จะนำเม็ดเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบ และสุดท้ายคือการเติบโตของ Stablecoins, Tokenization และสินทรัพย์ในโลกจริงที่ถูกแปลงเป็นดิจิทัล หรือ Real-World Assets (RWA)

ดร.กร ทิ้งท้ายว่า ปี 2026 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สินทรัพย์ดิจิทัลจะย้ายสถานะจากเพียงเครื่องมือการลงทุน สู่การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน (Daily Use Case) ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงิน หรือการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่ไร้รอยต่อกับระบบการเงินดั้งเดิม ซึ่ง Binance TH พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ยุคสมัยใหม่แห่งการเงินดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...

Responsive image

เจาะแผน 'Quick Win' รัฐ-เอกชน ผนึกกำลังดันครีเอเตอร์ไทยสู่อาชีพมั่นคง

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยน เมื่อเรากลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่ 'ยอดผู้ใช้งาน TikTok แซงหน้า YouTube' อย่างชัดเจน ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขอ...