ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงประสบปัญหาในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางขั้นพื้นฐาน จีนกลับเดินหน้าสู่อนาคตด้วยการพัฒนารถไฟแม่เหล็กลอยตัว หรือ Maglev (Magnetic Levitation) ซึ่งใช้แรงแม่เหล็กแทนล้อในการเคลื่อนที่ ทำให้สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารถไฟทั่วไป แม้จะมีต้นทุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สูงมากก็ตาม
จีนประกาศว่าทดสอบความเร็วได้แล้วที่ 650 กม./ชม. และตั้งเป้าใช้งานจริงที่ 800 กม./ชม. หรือเกือบ 500 ไมล์ต่อชั่วโมง เร็วกว่ารถไฟทุกคันที่โลกมีในตอนนี้ !

แม้จะมีการใช้งาน Maglev อยู่แล้วในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเซี่ยงไฮ้ แต่ระบบเหล่านั้นยังอยู่ในระดับ “ต้นทุนสูง และมีความเร็วอยู่ในระดับกลางๆ” แต่สิ่งที่จีนกำลังทำคือการ ยกระดับเทคโนโลยีสู่เชิงพาณิชย์แบบเต็มรูปแบบ
โปรเจกต์นี้เริ่มเป็นข่าวครั้งแรกในปี 2019 เมื่อสื่อของรัฐจีนเผยโฉมต้นแบบและการสร้างศูนย์วิจัยและผลิตที่เมืองชิงเต่า ล่าสุดในการประชุมทางรถไฟความเร็วสูงโลกครั้งที่ 12 ที่กรุงปักกิ่ง ทีมวิศวกรได้นำรถไฟต้นแบบมาโชว์ให้สื่อและผู้เชี่ยวชาญได้ชมใกล้ชิด
หลักการทำงาน คือ ใช้ล้อยางในช่วงต้นเทคออฟ และเมื่อถึงระดับที่เหมาะสม ระบบจะยกตัวรถขึ้นให้ลอยเหนือรางประมาณครึ่งนิ้ว เปลี่ยนเข้าสู่โหมดลอยตัวเมื่อถึงความเร็วระดับ 100-200 กม./ชม. จากนั้นคือเร่งแบบไม่มีแรงเสียดทานบนราง และที่สำคัญคือเป็นรถไฟที่แทบไม่มีเสียง รวมถึงไร้การสั่นสะเทือน
Li Weichao ผู้อำนวยการศูนย์ทดสอบเผยว่า รถสามารถทำความเร็ว 650 กม./ชม. ได้ภายในระยะเพียง 1,000 เมตร และอาจทำความเร็วในการใช้งานจริงถึง 800 กม./ชม. ซึ่งถือเป็นความเร็วสูงสุดของรถไฟในโลกเวลานี้
แม้การทดสอบจะประสบความสำเร็จ แต่การนำไปใช้จริงยังเผชิญอุปสรรค เช่นเดียวกับโครงการ Maglev ญี่ปุ่นที่มีปัญหาทางการเมืองเรื่องการเจาะอุโมงค์ ทำให้เลื่อนกำหนดการสร้างออกไปเกือบ 10 ปี รวมถึงโครงการ Maglev ระหว่าง Washington, D.C. และ Baltimore ที่ยังติดขั้นตอนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันจีนมีรถไฟ Maglev ที่ใช้งานจริงและเร็วที่สุดในโลกคือสาย เซี่ยงไฮ้–หางโจว วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 431 กม./ชม. และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าถ้ามีประเทศใดที่จะสามารถสร้าง Maglev ความเร็ว 800 กม./ชม. ได้จริง ประเทศนั้นก็คือจีน
อ้างอิง: futurism.com
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด