The National Highway Traffic Safety Administration หน่วยงานด้านความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลตัวเลขของอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่มีการใช้งานระบบเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติในสหรัฐอเมริกา โดยระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงของ Tesla มีรายงานอุบัติเหตุถึง 273 ครั้ง ซึ่งมากกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นตามข้อมูล
ข้อมูลถูกเก็บต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2021 ถึง 15 พฤษภาคม 2022 โดยในช่วงระยะเวลา ตลอด 10 เดือน พบว่ามีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการใช้งานด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติ (Self-Driving) และโหมดช่วยเหลือผู้ขับขี่ (Driver Assistance) ทั้งหมด 392 ครั้ง โดยอุบัติเหตุ 273 ครั้งหรือคิดเป็น 70% คือผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อ Tesla ที่ใช้โหมด Autopilot และโหมด Full Self-Driving เวอร์ชั่น Beta รองมาคือรถยนต์ยี่ห้อ Honda 90 ครั้ง ยี่ห้อ Subaru 10 ครั้ง และยี่ห้ออื่น ๆ ได้แก่ Ford , GM , VW , Toyota ประสบอุบัติเหตุ 5 ครั้งหรือน้อยกว่านั้น โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัส 11 ราย และถึงขั้นเสียชีวิต 6 ราย และพบว่ามีเหตุการณ์การชนกับรถคันอื่นบนท้องถนนถึง 116 ครั้ง กับผู้คนบนท้องถนน 4 ครั้ง เช่น นักปั่นจักรยานหรือคนที่เดินบนทางเท้า
ผลการรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งจากการออกคำสั่งทั่วไป (Standing General Order) นับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มออกคำสั่งในเดือนมิถุนายน 2021 ที่กำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องรายงานการชนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver Assistance Systems : ADAS) และยานพาหนะที่ติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติที่กำลังทดสอบอยู่บนถนนสาธารณะต่อ NHTSA ยกตัวอย่างเช่น ระบบ Autopilot ของ Tesla และ Super Cruise ของ GM
หัวหน้าฝ่ายบริหาร Steven Cliff กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ข้อมูลดังกล่าว ไม่สามารถนำไปสรุปว่าระบบขับขี่อัตโนมัติเป็นสิ่งที่อันตรายโดยสิ้นเชิง “เรารวบรวมแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น เพื่อผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติให้มีความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงการพัฒนากฎระเบียบและการศึกษาเกี่ยวกับการใช้งานให้แพร่หลายมากขึ้น เพื่อให้สามารถระบุความเสี่ยงหรือแนวโน้มและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเทคโนโลยีเหล่านี้ในโลกแห่งความเป็นจริง” และกล่าวถึงความเชื่อต่อศักยภาพของเทคโนโลยียานยนต์ว่าจะช่วยป้องกันการชน ลดความรุนแรงของการชน และช่วยชีวิตผู้ขับขี่ได้อีกมาก
ถึงแม้ว่า เทคโนโลยี Autopilot, Full Self Driving และ Full Self Driving Beta ของ Tesla มีตัวเลขอุบัติเหตุมากที่สุด สืบเนื่องจากเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ยานพาหนะที่มีระบบดังกล่าวอยู่บนท้องถนนมากที่สุด ระบบยังมีแนวโน้มที่จะนำเสนอความสามารถที่มากกว่าและได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในพื้นที่ต่างๆ มากกว่าระบบอื่นๆ ตามรายงานของ The Associated Press นั้น Tesla มีรถยนต์ที่มีระบบอัตโนมัติบางส่วนที่ทำงานบนถนนในสหรัฐฯ มากกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ส่วนใหญ่ ประมาณ 830,000 คัน
ทางด้าน Elon Musk CEO, Tesla กล่าวว่า FSD Beta เวอร์ชันล่าสุดของ บริษัท จะเปิดตัวถึง 100,000 คัน และในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้ประกาศเรียกคืนซอฟต์แวร์จากรถยนต์รุ่น S, X, 3 และ Y จำนวน 53,822 คันในสหรัฐอเมริกา เพื่อปรับปรุงคุณลักษณะที่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม NHTSA ได้เน้นย้ำการมุ่งเน้นและการสอบสวนกรณีการชนของรถยนต์ Tesla เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ซึ่งรวมถึงซอฟต์แวร์ต้นแบบสำหรับเจ้าของ Tesla
หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐกำลังพยายามทำความเข้าใจผลกระทบในทางปฏิบัติของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เนื่องจากประเด็น Full-Self Driving เริ่มเป็นที่เพ่งเล็งฃในขั้นวุฒิสภา ซึ่งหลังจากมีการขับขี่ระบบอัตโนมัติแพร่หลายมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา อุบัติเหตุหลายครั้งนำไปสู่การสอบสวนใหญ่ภายใต้คณะกรรมการส่งเสริมความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติ The National Transportation Safety Board (NTSB) และกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ เช่น กรณีอุบัติเหตุที่แคลิฟอร์เนียหรือเท็กซัส ในขณะที่บริษัทต่างๆ โดยเฉพาะ Tesla ได้โต้แย้งกันมานานแล้วว่าระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ปลอดภัยกว่าการควบคุมโดยมนุษย์เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม NHTSA, NTSB และหน่วยงานอื่น ๆ ต้องการคำอธิบายที่มีเหตุผลเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยในโลกแห่งความเป็นจริง ก่อนที่จะยอมรับการขับขี่แบบอัตโนมัติอย่างจริงจัง
ที่มา
NHTSA: 'Self-driving' cars were linked to 392 crashes in 10 months
Data likely shows Teslas on Autopilot crash more than rivals
U.S. safety agency says Tesla accounts for most driver-assist crashes, but warns data lacks context
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด