จีนสร้างแอปจับตาดูลูกหนี้ที่อยู่ใกล้ หนึ่งในนวัตกรรมเพื่อนโยบาย Social-credit | Techsauce

จีนสร้างแอปจับตาดูลูกหนี้ที่อยู่ใกล้ หนึ่งในนวัตกรรมเพื่อนโยบาย Social-credit

เมืองในทางตอนเหนือของจีนกำลังพัฒนาแอปพลิเคชันในการแจ้งเตือนว่าผู้ใช้งานกำลังเดินอยู่ใกล้กับคนที่มีหนี้สิน แอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า “map of deadbeat debtors” ซึ่งกำลังถูกปล่อยออกมาในมณฑล Hebei ณ ขณะนี้ โดยแอปพลิเคชันนี้สามารถเข้าถึง WeChat แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมที่สุดในจีนได้อีกด้วย

ตัวโปรแกรมจะคอยบอกผู้ใช้งานเมื่อผู้ใช้งานได้อยู่ใกล้ผู้มีหนี้สินในระยะ 500 เมตร และจะมีการแสดงชื่อรวมถึงตำแหน่งของผู้มีหนี้สิน แต่ถึงอย่างไรในตอนนี้ก็ยังไม่มีการสรุปว่าเป็นตำแหน่งในปัจจจุบันหรือที่อยู่ในตอนสมัครเข้าใช้งาน

โปรแกรมนี้ได้อธิบายลูกหนี้ที่เรียกว่า "lao lai" ซึ่งหมายถึงคนที่ผิดนัดคำสั่งศาลในการชำระคืนเงินกู้ ในปัจจุบันยังไม่มีการระบุจำนวนเงิน หรือตัวบุคคลที่ผู้กู้ได้ขอกู้ไว้ แต่พอคาดเดาได้ว่าแอปพลิชันต้องการที่จะทำให้ผู้คนคอยจับตาดูเหล่าลูกหนี้ให้กับทางภาครัฐ

'map of deadbeat debtors' คือหนึ่งในระบบ Social-credit

โครงการใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบ social-credit ที่มุ่งเสริมสร้างแนวคิดเรื่อง “การทำตามสัญญาเป็นเรื่องน่ายกย่อง และการทำลายสัญญาเป็นที่น่าละอาย”

ตามเอกสารรัฐบาลปี 2014 ระบบ Social-credit จัดเป็นหลักเกณฑ์ตัดสินความน่าเชื่อถือของบุคคลด้วยการใช้มาตรการต่างๆ เช่น ความสามารถในการชำระเงินกู้ และพฤติกรรมของพวกเขาในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งระบบนี้จะมีผลบังคับใช้ในปี 2020 รัฐบาลกล่าว ในขณะนี้ระบบยังถูกใช้งานเป็นส่วนน้อย และหน่วยงานท้องถิ่นหลายแห่ง เช่น มณฑล Hebei ได้ออกมาตรการเพื่อให้สอดคล้องกับระบบของรัฐบาล รวมไปถึงเริ่มมีการจัดทำ Blacklist ในการบันทึกรายชื่อและเลข ID ในบางพื้นที่

โดยผู้คนที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในที่สาธารณะและไม่ได้ทำการชำระภาษีจะถูกเก็บบันทึกข้อมูล โดยล่าสุดมีผู้คนจำนวนกว่า 6,000 คนถูกบันทึกจากระบบและได้รับโทษถูกระงับการเดินทางออกนอกประเทศ

นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังได้ปล่อยให้บริษัทเทคโนโลยีเข้าถึงข้อมูลของผู้คนอีกด้วย อย่างเช่น Alibaba และ Tencent โดยบริษัทเหล่านี้ได้รับการอนุญาติให้สามารถสอดส่องพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม และเข้าถึงความน่าเชื่อทางการเงินของผู้คน หนึ่งในข้อโต้แย้งสำหรับระบบนี้คือคนจำนวนมากในประเทศจีนยังคงไม่สามารถเข้าถึงธนาคารแบบดั้งเดิมได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบทางเลือกอื่น เพื่อประเมินว่าพวกเขาสามารถชำระเงินกู้ จ่ายค่าเช่าบ้านรวมถึงมีค่าใช้จ่ายเพียงพอต่อการส่งลูกหลานเข้าเรียนได้

WeChat เข้าถึงข้อมูลของผู้คนได้มากแค่ไหน

ยังไม่แน่ชัดว่าผู้ใช้ใน Hebei ต้องดาวน์โหลดแอป “deadbeat deptors” หนึ่งในโปรแกรมย่อยของ WeChat หรือไม่ เพราะเป็นไปได้ว่ามันถูกติดตั้งมาในเครื่องของพวกเขาตั้งแต่แรกแล้ว

การใช้งาน WeChat และเว็บไซต์ microblogging จาก Weibo ในประเทศจีนผู้คนต้องแจ้งหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ IP อีกทั้งตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของ WeChat ผู้ที่ใช้ WeChat Pay ต้องแจ้งรายละเอียดบัตรเครดิตอีกด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ WeChat สามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลของผู้คนได้มากเกินกว่ากฏหมายความปลอดภัยของข้อมูลกำหนด

ในปี 2016 กระทรวงความมั่นคงของจีนประกาศว่าเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายสามารถนำบทสนทนาส่วนตัวของประชาชนบน WeChat มาใช้ได้ และเมื่อปีที่แล้วเจ้าหน้าที่ของจีนใน Hebei ทางภาคตะวันออกของจีนกล่าวว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อความ WeChat ที่ถูกลบของผู้ใช้โดยไม่ต้องถามผู้ใช้หรือขอหมายศาล

ปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากกว่า 1 พันล้านคนในประเทศจีนที่ใช้งาน WeChat และยังมีการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ จึงเป็นที่น่าจับตามองต่อไปว่าระบบ Social-credit จะเข้ามาทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างไรได้อีก

 

ภาพ cover จาก  The Filipino Times

อ้างอิงภาพและข้อมูล: Businessinsider

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...