สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินหน้าปลดพนักงานของรัฐบาลกลางจำนวนหลายพันคนอย่างเร่งรีบ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency หรือ DOGE) ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของอีลอน มัสก์
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของมาตรการนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่กว่า 300 คนที่สำนักงานบริหารความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติ (NNSA) ถูกปลดออกจากงาน อันเป็นส่วนหนึ่งของการปลดพนักงานของกระทรวงพลังงานโดยไม่ทันคิดให้รอบคอบ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจัดการความมั่นคงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ
หลังจากที่สมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนยื่นเรื่องถึงรัฐมนตรีพลังงาน คริส ไรท์ (Chris Wright) เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการปลดพนักงานดังกล่าว ทางกระทรวงจึงต้องเร่งแก้ไขความผิดพลาดด้วยการพยายามจ้างพนักงานที่ถูกปลดออกกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง แต่ปัญหากลับยิ่งเลวร้ายขึ้น เนื่องจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ NNSA ไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการปลดพนักงาน ส่งผลให้ผู้จัดการที่ต้องการจ้างพนักงานกลับมาต้องเผชิญกับความยากลำบากในการติดต่อกับพวกเขา
ความโกลาหลนี้ทวีความรุนแรงขึ้นอีก เมื่ออีเมลและโทรศัพท์ของพนักงานที่ถูกปลดออกถูกตัดการเข้าถึงก่อนที่พวกเขาจะได้รับแจ้งถึงการเลิกจ้าง นอกจากนี้ หนังสือแจ้งให้พนักงานกลับเข้าทำงานก็ไม่ได้มีถ้อยคำขอโทษหรือยอมรับถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยระบุเพียงว่า "คำสั่งปลดพนักงานเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2025 ได้ถูกยกเลิก และท่านต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ" ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
แหล่งข่าวภายใน NNSA กล่าวว่าการปลดพนักงานอย่างไม่มีแบบแผนในครั้งนี้ได้ทำลายขวัญและความเชื่อมั่นของพนักงานอย่างหนัก ซึ่งในองค์กรที่มีต้องกุมความลับสูงเช่นนี้ ความไว้วางใจและขวัญกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มีงานวิจัยจำนวนมากที่ยืนยันว่าความไว้วางใจในที่ทำงานเป็นสิ่งที่สร้างได้ยากและต้องใช้เวลานาน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารองค์กรระบุว่า การสร้างความไว้วางใจในที่ทำงานต้องอาศัย "วัฒนธรรมของความเปิดเผยและความโปร่งใส" ซึ่งหมายความว่าพนักงานควรได้รับโอกาสให้แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยและมั่นใจว่าผู้บริหารจะรับฟัง อย่างไรก็ตาม แนวทางของ DOGE และรัฐบาลทรัมป์กลับดูเหมือนจะสวนทางกับแนวคิดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงจุดยืนที่แข็งกร้าวของพวกเขาต่อแนวทางความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม หรือDEI ซึ่งถึงขั้นนำไปสู่การถอดถอนเอกสารบางฉบับของ Occupational Safety and Health Administration หรือ OSHA เพียงเพราะมีคำที่เกี่ยวข้องกับ DEI
พนักงานบางส่วนของ NNSA แสดงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของทีม DOGE ที่นำโดยมัสก์ โดยมีข้อกังวลว่าอาจมีบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ามามีบทบาทในหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งนี้ พนักงานคนหนึ่งตั้งคำถามว่า "ถ้ามีใครบางคนที่ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูล ลุกขึ้นมาแล้วบอกว่า 'ต้องการดูไฟล์เกี่ยวกับยูเครน หรือการออกแบบหัวรบนิวเคลียร์' จะเกิดอะไรขึ้น?"
ขณะเดียวกัน สมาชิกบางส่วนของ NNSA ก็กลัวว่าการพูดถึงความผิดพลาดครั้งนี้อาจนำไปสู่การถูกตอบโต้จากรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งมีประวัติการปฏิบัติต่อผู้ที่เปิดโปงข้อผิดพลาดอย่างไม่เป็นมิตร นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าแทนที่หน่วยงานที่ควรจะได้รับการบริหารโดยผู้เชี่ยวชาญ อาจมีการแต่งตั้งบุคคลทางการเมืองที่ขาดความรู้ความสามารถเข้ามาแทนที่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีลอน มัสก์ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ย้อนกลับไปในปี 2022 เมื่อเขาซื้อ Twitter (ปัจจุบันคือ X) เขาได้ปลดพนักงานออกจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และไม่นานหลังจากนั้นก็ต้องเร่งจ้างพนักงานบางส่วนกลับมาเพื่อให้แพลตฟอร์มยังคงทำงานต่อไปได้
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของการวางแผนที่รอบคอบและการตัดสินใจที่มีข้อมูลรองรับ เพราะการปลดพนักงานโดยปราศจากการประเมินอย่างรอบคอบอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายทั้งต่อองค์กรและต่อความมั่นคงของชาติเอง
อ้างอิง: inc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด