การผลักดันการสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้เป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนประเทศ น่าจับตายิ่งขึ้นหลังจากมีการจัดทำ โครงการส่งเสริมการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC Deep Tech Ecosystem และล่าสุด การลงนามความร่วมมือ (MOU) เพื่อผลักดันให้พื้นที่ EEC เป็น เมืองศูนย์กลางการสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมด้าน Smart IoT (EEC Tech Inno Hub)
หัวขบวนที่ลงนามใน MOU เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 ณ อาคารศูนย์การเรียนรู้การเงินและการลงทุนธุรกิจระหว่างประเทศ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา และร่วมส่งเสริมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ให้เป็น เมืองศูนย์กลางการสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมด้าน Smart IoT นำโดย
งานนี้จัดเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญที่จะช่วยยกระดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมและสร้าง ผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม (IBE) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการเข้าถึงและใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เมืองศูนย์กลางนวัตกรรม ซึ่งมี 10 หน่วยงานเข้าร่วมขบวน ได้แก่
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เกริ่นถึงการพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่และภูมิภาคของ NIA ว่า เป็นหนึ่งในการพัฒนาที่มุ่งนำเอาสินทรัพย์ทางนวัตกรรมผนวกกับศักยภาพของพื้นที่นั้น ๆ มาใช้ เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลายๆ คนถาม แค่ไหนเรียก Deep Tech แน่นอนที่สุด ต้องเป็นสิ่งที่ยาก ต้องมีสิทธิบัตร มีเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ป้องกันการเลียนแบบ มันเป็นสิ่งที่ต้องทำวิจัยซึ่งต้องใช้เวลานานเพราะเป็นการวิจัยขั้นสูง แต่สิ่งเราอยากจะบอกคือ ประเทศที่พัฒนาไปไกลมากๆ ไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เป็นกลุ่มประเทศที่พัฒนา Deep Tech สำคัญในเชิงการแพทย์, IoT, Robotics หรือการใช้ในทางการแพทย์ เกษตรและอาหาร แต่ทีนี้การจะพัฒนา Deep Tech ให้มันเกิดขึ้นในไทย โดยเฉพาะเรื่องของ Deep Tech Startup จะเกิดขึ้นที่ไหน แน่นอนที่สุด เราหาเจอได้ง่ายในมหาวิทยาลัยที่สอนด้านเทคโนโลยี เช่น ม.บูรพา ที่เป็นตัวแทนสำคัญของภาคตะวันออก หรือ อุทยานวิทยาศาสตร์ฯ ที่อยู่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้
สำหรับการนำสินทรัพย์ทางนวัตกรรมมาผนวกกับศักยภาพของพื้นที่ NIA กำหนดขอบเขตการศึกษาใน 3 ระดับ ได้แก่ ระเบียงนวัตกรรม (Innovation Corridor) เมืองนวัตกรรม (City Innovation) และ ย่านนวัตกรรม (Innovation District) ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ที่ส่งเสริมการการพัฒนาพื้นที่และเมืองอัจฉริยะ
นอกจากนี้ NIA ยังมีเป้าหมายในการพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่จำนวน 10 จังหวัดศูนย์กลางพัฒนานวัตกรรม และ 10 ย่านนวัตกรรม ในปี 2570 ซึ่ง EEC เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายของการพัฒนาที่มีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมในการส่งเสริมการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมด้าน Smart IoT ที่สามารถรองรับเทคโนโลยีทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม 4.0 ได้ แสอดคล้องกับแผนพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของ NIA ซึ่งประกอบด้วย
ดร.กริชผกากล่าวย้ำถึงการสร้างแรงผลักดันในการยกระดับ SMEs / Startup / SE ให้เป็นผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมที่สามารถยกระดับและขับเคลื่อนเศรษฐกิจพื้นที่ ก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ เกิดการลงทุนด้านนวัตกรรมมากขึ้น ตลอดจนทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับและรู้จักในฐานะ 'ชาตินวัตกรรม' โดย NIA เลือกใช้กลไกการสนับสนุนที่เรียกว่า Groom - Grant - Growth กล่าวคือ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณยศ คุรุกิจโกศล ผู้รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกิจการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ประธานคณะกรรมการโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า เมื่อปี 2565 จัดทำกลไกส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมของเทคโนโลยีเชิงลึกในเขตพื้นที่นวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC Deep Tech Ecosystem) โดยสรุปได้ว่า พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีศักยภาพที่พร้อมรองรับการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศหลากหลายด้าน อาทิ
สำหรับอุตสาหกรรมที่ ม.บูรพาโฟกัส คือ Digital, IoT, AI สำหรับ Healthcare และ Digital, IoT, AI สำหรับ Industry สาเหตุที่เราโฟกัสเพราะเราเริ่มที่สองอุตสาหกรรมนี้ก่อน เนื่องจากเราเห็นตลาดชัดเจน ดังที่ ดร.กริชผกาพูด คือ 'ตลาดสำคัญที่่สุด' และเมื่อเราเห็นตลาด เราอยู่ในวงการ Healthcare มานาน มี 2 บริษัทที่รู้จักตลาดนี้ดีจึงมีความพร้อมที่จะพาน้องๆ เข้ามา ส่วน Industry เรามี EEC Automation Park ซึ่งเป็นตลาดอยู่แล้วและในนั้นมีมากกว่า 2,000 บริษัท เพราะฉะนั้น ต้องพาผู้ประกอบการด้านเทคเข้าตลาดให้ได้ ถ้าพาเข้าตลาดไม่ได้ มันจะกลายเป็นเทคที่เอาไว้โชว์ตามงาน
เพราะการเป็นสตาร์ทอัพที่อยู่รอดและเติบโตต่อเนื่องนั้นไม่ง่าย กอปรกับสถิติที่มีสตาร์ทอัพมากกว่า 90% ทำธุรกิจแล้วล้มเหลว ผศ.ดร.ณยศจึงอธิบายถึงการผลักดันให้ระบบนิเวศ Deep Tech ให้แข็งแกร่ง ผ่านความร่วมมือและการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่สตาร์ทอัพในพื้นที่ Sandbox แห่งนี้
ไอเดียของเรา ไม่เสียดายถ้าทำสตาร์ทอัพแล้วเจ๊ง แต่เราขอให้เจ๊งที่นี่ เพราะมีตึกให้คุณได้ใช้พื้นที่ฟรี อย่างน้อยก็ไม่มีหนี้ค่าไฟ ไม่มีค่าเช่าออฟฟิศ ซึ่งหนี้หลักๆ ของบริษัทเกิดใหม่คือ การจ่ายค่าสาธารณูปโภคกับเงินเดือน ให้เขาจ่ายแต่เงินเดือน พิสูจน์ตัวเองไป ขณะเดียวกัน เราก็กำลังหา Funding เพิ่ม ซึ่งถ้าคุณรอด คุณจะได้เจอนักลงทุนที่มีสายป่านยาวกว่านี้ หรืออาจเจอ Angel Investor ที่เจ๋งกว่านี้
ต่อด้วยการให้ข้อมูลทิ้งท้ายว่า ในปี 2566 มีหน่วยงานพันธมิตรมากมายที่พร้อมให้บริการในพื้นที่ EEC ดังนี้
มาที่ 2 สตาร์ทอัพผู้พัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกสู่อุตสาหกรรม Healthcare ที่ ผศ.ดร.ณยศ กล่าวถึง ข้างต้น คุณภานุวัฒน์ พรหมศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนโกรท จำกัด กล่าวในฐานะตัวแทนของบริษัทเอกชนที่ได้แยกตัว (Spin-off) ออกมาจากมหาวิทยาลัยบูรพาว่า บริษัทให้บริการด้านการพัฒนาเทคโนโลยีต้นน้ำ จากการใช้ AI Machine Vision พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT สำหรับ Smart Living, Smart Care, Smart Health ที่ชื่อ กิน-อยู่-ดี แพลตฟอร์มด้านสุขภาพและการแพทย์แบบครบวงจร บริหารจัดการดูแลได้ทั้งผู้สูงอายุและผู้ป่วย โดยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ภายในบ้าน กับโรงพยาบาล และหากระบบตรวจพบว่า เกิดเหตุฉุกเฉินกับผู้สูงอายุ ก็จะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ เพื่อเรียกมาให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
สำหรับการร่วมเซ็น MOU เซนโกรทให้การสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม IoT การดำเนินชีวิตอัจฉริยะ การทดสอบผลิตภัณฑ์ การต่อยอดเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถในการดำเนินธุรกิจนวัตกรรม ต่อยอดธุรกิจสู่ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมหาวิทยาลัยบูรพาเป็นผู้สนับสนุนพื้นที่วิเคราะห์ทดสอบ และเชื่อมโยงองค์กรขนาดใหญ่ในการนำแพลตฟอร์มไปใช้งาน โดยคาดหวังในการเชื่อมโยงและเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเชิงลึกกับหน่วยงานร่วมในพื้นที่ EEC ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเริ่มต้นในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจและการใช้ข้อมูลร่วมกัน
ปิดท้ายด้วย บริษัท แวมสแตค จำกัด (VAMStack) อีกหนึ่งสตาร์ทอัพด้าน Deep Tech ที่มาร่วมเซ็น MOU โดยเป็นบริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Video Analytics Management (VAM) ที่ spin-off มาจากแล็บวิจัยและพัฒนาทางด้านวิศวกรรมระบบสมองกลฝังตัว คณะวิศวกรรมศาสตร์ และแล็บวิจัยและพัฒนาทางด้านวิเคราะห์ภาพขั้นสูง คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยบูรพา
คุณธนินท์ อินทรมณี กรรมการผู้จัดการ VAMstack กล่าวว่า บริษัทร่วมให้การสนับสนุนและส่งเสริมการบ่มเพาะธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความรู้ ความสามารถในการทำธุรกิจนวัตกรรมและเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการฝึกงานของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบูรพา สนช. และเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และทรัพยากรในโครงการวิจัยและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ IoT และส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่มีความสนใจในเทคโนโลยีนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ IoT ดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นความต้องการของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการรายใหม่ที่มุ่งพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมให้เติบโตและเชื่อมโยงกับตลาดโลก สร้างประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด