ผลสำรวจจาก Slack แพลตฟอร์มสนทนาออนไลน์ที่นิยมใช้ในองค์กร พบว่า พนักงานมากกว่า 3 ใน 5 หรือ 63% ของพนักงานแอปพลิเคชั่นนี้ เลือกที่จะตั้งสถานะ “ ออนไลน์ ” แม้ว่าพวกเขา จะไม่ได้ทำงานก็ตาม
พนักงานส่วนใหญ่ในองค์ คิดเป็น 3 ใน 5 จะตั้งสถานะบัญชีเป็น “ออนไลน์” ตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานอยู่ก็ตาม ในขณะเดียวกันในกลุ่มพนักงานที่สำรวจมานี้ประมาณ 40%มักจะลบการประชุมออกจากกำหนดการในแอปสำหรับการประชุมโดยที่ไม่ได้สนใจถึงผลกระทบที่ตามมา
ผลสำรวจนี้ Slack ทำการสำรวจตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงมีนาคม โดยสำรวจจากพนักงานและนายจ้าง จำนวน 18,149 คน จากทั้งหมด 9 ประเทศ
ผู้ทำแบบสอบถามกล่าวว่าโดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาใช้เวลา 1 ใน 3 ไปกับการทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับ หรือมีส่วนร่วมกับเป้าหมายของบริษัท ในขณะเดียวกันพนักงานก็รู้สึกเป็นภาระเมื่อต้องรักษา ภาพลักษณ์ของบริษัท
ในฝั่งของหัวหน้าหรือนายจ้างประมาณ 1 ใน 4 หรือ 27% ที่ทำแบบสอบถามมองว่าตัวชี้วัด ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ visibility และ activity metrics ซึ่งเป็นตัวชี้วัดในการติดตามการทำงานของพนักงานโดยให้ความสำคัญในเรื่องการมองเห็นและกิจกรรมการทำงานของพนักงาน
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นความเร่งรีบ (Hustle Culture) และการทำงาน ที่เน้นผลิตภาพ (performative productivity) ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยข้อถกเถียง และความเบื่อหน่ายในวัฒนธรรมการทำงานที่เร่งรีบจึงเกิดเป็นกระแส Quiet Quitting ที่พนักงานมักจะ ทำงานแค่สิ่งที่กำหนดไว้เท่านั้น โดยที่ไม่ได้มีความต้องการทำงานอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง
แม้ว่าความเบื่อหน่ายของพนักงานในปัจจุบันที่ต้องการ Work life Balance มากขึ้น แต่เพราะปัญหา เศรษฐกิจที่ฝืดเคืองกลับทำให้วัฒนธรรมการทำงานที่เร่งรีบกลับมาอีกครั้ง โดยข้อมูลของ OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development) ชี้ว่าคนอเมริกันทำงานเฉลี่ย 1,811 ชั่วโมงในปี 2022 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ไว้ที่ 1,752 ชั่วโมงต่อปี
ที่มา : Business Insider
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด