ETDA จับมือ IBM พัฒนามาตรฐานรองรับการใช้ Blockchain สำหรับ Digital ID - Digital Signature ในอนาคต | Techsauce

ETDA จับมือ IBM พัฒนามาตรฐานรองรับการใช้ Blockchain สำหรับ Digital ID - Digital Signature ในอนาคต

ETDA ผนึก IBM ทำความร่วมมือการใช้ Blockchain ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หวังพัฒนามาตรฐานรองรับการใช้ลายมือดิจิทัล และการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ เชื่อมโยงรัฐ-เอกชน ใช้เทคโนโลยีอย่างมั่นคงและปลอดภัย

blockchain

ดร.ชัยชนะ  มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ETDA มีภารกิจด้านการจัดทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรฐาน และการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่สอดคล้องและมีการเชื่อมโยงกันอย่างมั่นคงปลอดภัย และน่าเชื่อถือ ขณะที่ทางไอบีเอ็ม เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการวางโครงสร้างพื้นฐานและระบบบนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่สำคัญทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงเป็นผู้ให้ข้อมูลในการพัฒนามาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนในเวทีระดับสากลหลายเวที 

ขณะเดียวกัน ETDA ได้เร่งดำเนินการโดยเฉพาะในเรื่องของ Digital Standard Landscape ในส่วนของ Digital Services เพื่อทำให้เกิดแผนภาพของธุรกิจบริการดิจิทัลสำคัญและมาตรฐานที่จำเป็นของแต่ละธุรกิจบริการที่ควรต้องมีความน่าเชื่อถือและมั่นคงปลอดภัย รวมทั้งเป็นการสร้างความพร้อมและรองรับการต่อยอดได้กับทุกระบบการบริการอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น ภายใต้ภารกิจของทั้งสองหน่วยงาน จึงได้เกิดความร่วมมือกันในการพัฒนามาตรฐานระบบการจัดการกุญแจเข้ารหัสลับแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Key Management System หรือ DKMS) ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาสนับสนุน Ecosystem ของการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) และลายมือชื่อดิจิทัล (Digital signature) โดยการลงนามความร่วมมือนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุน แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับการใช้บล็อกเชนสำหรับ Digital ID และ Digital signature รวมทั้งพัฒนามาตรฐาน หรือกลไกการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริการดิจิทัลที่จะใช้ระบบ Decentralized Key Management System สำหรับ Digital ID และ Digital signature โดยทั้ง ETDA และ IBM จะเปิดเวทีให้บริษัทและหน่วยงานที่สนใจ เข้ามาร่วมกันพัฒนาและกำหนดมาตรฐาน เพื่อทำให้เกิดการทำงานของระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นคงปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ

“การทำความร่วมมือนี้จะทำให้ ETDA ได้รับความรู้โดยตรงเกี่ยวกับระบบการจัดการกุญแจเข้ารหัสลับ แบบใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากไอบีเอ็มเป็นบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลก และเป็นหนึ่งในผู้นำเรื่องบล็อกเชน ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ ETDA สามารถนำความรู้นี้ไปต่อยอดในการพัฒนากรอบแนวทางของเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะ หรือ Public Key Infrastructure (PKI) แบบกระจายศูนย์ต่อไปได้ ขณะเดียวกัน การทำข้อเสนอแนะมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ด้าน Decentralized Key Management System นี้จะทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนที่นำไปใช้มีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งในประเทศไทย มีบริษัทเอกชนอีกหลายรายที่ดำเนินการ หรือมีความพร้อมและความเชี่ยวชาญลักษณะเดียวกันนี้ ETDA ก็พร้อมที่จะมีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะสุดท้ายก็เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ” นายชัยชนะ กล่าว 

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐานดิจิทัลมีด้วยกัน หลายประเด็น ทั้งเรื่องมาตรฐานบริการดิจิทัลที่สำคัญ ซึ่งในหลายอุตสาหกรรมยังไม่มีมาตรฐานครอบคลุม อีกทั้งภาคธุรกิจบางส่วนยังต้องการการผลักดันและสนับสนุนเพื่อให้เกิดความพร้อมในการนำมาตรฐาน หรือแนวทางปฏิบัติไปใช้ เพื่อให้เกิดมาตรฐานบริการดิจิทัลที่เชื่อถือได้ เช่น การใช้บริการ Digital ID ยังจำกัดอยู่แค่เฉพาะบริการภาคการเงินและธนาคาร และบางอุตสาหกรรม หรือข้อจำกัดในการใช้ Digital ID กับนิติบุคคล หรือหน่วยงานภาครัฐมีการใช้บริการที่น่าเชื่อถือเพียงบางส่วนหรือบางบริการเท่านั้น 

ด้าน คุณปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความตื่นตัวในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ และมีอีโคซิสเต็มทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อน ไอบีเอ็มมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสนำความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และประสบการณ์ในการพัฒนาแพลตฟอร์มระดับโลกบนเทคโนโลยีบล็อกเชน มาสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ประเทศไทย เข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานและกลไกด้าน Digital ID และ Digital signature ซึ่งถือเป็นก้าวย่างสำคัญของไทยในการเดินหน้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มตัว

ปัจจุบันธุรกิจการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่มีการทำธุรกรรมเฉลี่ยสูงถึง 61.3 พันล้านรายการต่อวัน สูงขึ้นถึง 53% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน [1] ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับธุรกรรมการชำระเงินผ่านโมบายล์แบงก์กิง ที่มีปริมาณกว่า 4,925 ล้านรายการ และอินเตอร์เน็ตแบงก์กิง ที่มีปริมาณกว่า 569 ล้านรายการในปี 2562 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า (ปี 2561) คิดเป็น 173.46% และ 199.93% ตามลำดับ [2] ความร่วมมือกับ ETDA ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีในการช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยไอบีเอ็ม จะเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับ Decentralized Key Management System ของการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล นับเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งผู้ให้บริการและผู้บริโภค โดยสำหรับผู้บริโภคแล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่นำสู่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้ระบบที่มั่นคงปลอดภัย สอดคล้องกับกฎหมายและแนวปฏิบัติในระดับสากล


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

IMD จัดอันดับ Digital Competitiveness ปีนี้ ไทยร่วงจาก 35 เป็น 37 ถ้าอยากขยับขึ้น...ต้องแก้ไขตรงไหนก่อน?

ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ประจำปี 2567 โดย IMD World Competitiveness Center ไทยได้อันดับ 37 ขยับลงจากปีก่อน 2 อันดับ (35) แล้วจะทำอย่างไรให้ไทยได้อยู่ในอัน...

Responsive image

สู่ Siri ยุคใหม่ ! เผย Apple เตรียมเปิดตัว LLM Siri ในปี 2026 ท้าแข่ง ChatGPT โดยเฉพาะ

OpenAI ถือเป็นหนึ่งในบิ๊กเทคฯ ยักษ์ใหญ่ที่มีความก้าวกระโดดด้านการพัฒนา AI หลังจากสร้างกระแสด้วยแชทบอท ChatGPT ไปเมื่อปลายปี 2022 ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งมีดีลกับ Apple ในการนำ Cha...

Responsive image

American Airlines เปิดตัวระบบจัดการคิวอัจฉริยะ เทคโนโลยีเสียงเตือนสองระดับ ปิดเกมสายแซงคิวขึ้นเครื่อง

เคยเจอไหม? คนแซงคิวขึ้นเครื่องจนวุ่นวายที่ประตูทางขึ้น หลังจากนี้จะไม่มีอีกต่อไป เมื่อ American Airlines แก้ปัญหานี้ด้วยเทคโนโลยีเสียงเตือนอัจฉริยะ ที่จะจับทุกความพยายามแอบขึ้นเครื...