สรุปกำไรสุทธิประจำปี 2564 ของ 6 ธนาคารใหญ่ในประเทศไทย | Techsauce

สรุปกำไรสุทธิประจำปี 2564 ของ 6 ธนาคารใหญ่ในประเทศไทย

ผ่านไปแล้วสำหรับปี 2564 ช่วงเวลาถัดไปคือการประกาศผลประกอบการประจำปี ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจกลุ่มแรกๆ ที่จะต้องออกมาแสดงผลงานก่อนใครก็คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ นั่นเอง ซึ่งก็ได้มีการประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับกำไรสุทธิประจำปี 2564 ของกลุ่มธนาคารใหญ่ของไทย 

ในครั้งนี้ Techsauce จึงได้ทำการรวบรวมและสรุปให้เป็นที่เรียบร้อยว่าผลประกอบการทั้งปีของ 6 ธนาคารจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ท่ามกลางการดำเนินธุรกิจที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่อง

ชูผลกำไรปี 64 โต 30% 

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิของปี 2564 จำนวน 35,599 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากความสามารถในการทำกำไรจากของธุรกิจที่ดีขึ้นและการตั้งเงินสำรองที่ลดลง

ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองมีจำนวน 86,795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลของการเติบโตที่แข็งแกร่งของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ กำไรสุทธิสำหรับสำหรับไตรมาสสี่ปี 2564 มีจำนวน 7,879 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ในปี 2564 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 95,171 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิลดลงภายใต้สภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบันและการมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ

ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 55,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% จากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลของการรับรู้กำไรตามราคาตลาดในปัจจุบันของพอร์ตการลงทุนของธนาคารและบริษัทในเครือ และการขยายฐานรายได้ที่แข็งแกร่งของธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งและธุรกิจการขายผลิตภัณฑ์ประกันผ่านธนาคาร

สินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งดันกำไรสุทธิโต 29%

ธนาคารกรุงไทย

ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร ปี 2564 เท่ากับ 21,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉพาะไตรมาส 4 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 4,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึงร้อยละ 12.6 จากสิ้นปีที่ผ่านมา  เพิ่มระดับของ Coverage ratio ให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 168.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 147.3 ณ สิ้นปี 2563  เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ  มีการบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีอย่างต่อเนื่อง  โดยมี NPLs Ratio-Gross อยู่ที่ร้อยละ 3.50 ลดลงจากร้อยละ 3.81 ณ สิ้นปีที่ผ่านมา  โดยธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 32,524 ล้านบาท  แม้ว่าจะลดลงร้อยละ 27.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  แต่ยังเป็นการตั้งสำรองในระดับที่สูง

ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองและภาษีเงินได้ เท่ากับ  63,055 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยพิเศษเงินให้สินเชื่อจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินหลักประกันจำนอง 

หากไม่รวมรายได้ดอกเบี้ยพิเศษ กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองและภาษีเงินได้ลดลงร้อยละ 1.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการลดลงของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย โดยมี NIM เท่ากับร้อยละ 2.49 ทั้งนี้ ธนาคารบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงร้อยละ 1.4 ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 45.5 เทียบเท่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ไม่รวมรายได้ดอกเบี้ยพิเศษ

เงินติดล้อ ปัจจัยหลักดันกำไรโต

ธนาคารกรุงศรีฯ

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เผยผลประกอบการของปี 2564 มีกำไรสุทธิจำนวน 33,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,754 ล้านบาท หรือ 46.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปัจจัยหลักคือกำไรพิเศษจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นใน บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (เงินติดล้อ) ในไตรมาสที่ 2/2564 หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจปกติในปี 2564 อยู่ที่จำนวน 25,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% หรือจำนวน 2,569 ล้านบาท จากปีก่อนหน้า

กำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจปกติในปี 2564 อยู่ที่จำนวน 25,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% หรือจำนวน 2,569 ล้านบาท จากปีก่อนหน้า ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจและครัวเรือนผ่านมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมถึงสนับสนุนภาคธุรกิจสู่การฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด-19 อย่างยั่งยืน

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จากการออกมาตรการช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในปี 2564  อยู่ที่ 3.24% จาก 3.47% ในปี 2563

เงินให้สินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 3.1% หรือจำนวน 57,441 ล้านบาท จากเดือนธันวาคม 2563 สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขยายตัว 6.6% และ 3.9% ตามลำดับ ส่วนเงินรับฝาก ลดลง 3.0% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2563 สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการสภาพคล่องเชิงรุก ในการลดสัดส่วนเงินรับฝากประจำ และชดเชยด้วยเงินรับฝากออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถาม 

ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจำนวน 12,243 ล้านบาท หรือ 37.5% จากปี 2563 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นเงินติดล้อ

รายงานผลกำไรปี 64 โต 54%

ธนาคารกรุงเทพ

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกําไรสุทธิสําหรับปี 2564 จํานวน 26,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 จากปีก่อน เป็นผลจากการรวมรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารเพอร์มาตาเต็มปี และการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากการบริหารต้นทุนเงินรับฝาก 

ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.10 สําหรับ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากธุรกิจหลักทรัพย์ การอํานวยสินเชื่อ และบริการประกันผ่านธนาคารและกองทุนรวม รวมถึงการเพิ่มขึ้นของกําไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่ วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด

ด้านค่าใช้จ่ายจากการดําเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการรวมค่าใช้จ่ายของธนาคารเพอร์มาตาทั้งปี โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดําเนินงานลดลงเป็นร้อยละ 50.0 

นอกจากนี้ ธนาคาร ได้พิจารณาตั้งผล ขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจํานวน 34,134 ล้านบาท จากการพิจารณาปัจจัยผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจํานวน 2,588,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 จากสิ้นปี 2563 จาก สินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สําหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครคิตต่อเงินให้ สินเชื่อรวมลดลงเป็นร้อยละ 3.2 ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ใน ระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 225.8

ตั้งสำรองลด ดันกำไร 3.8 หมื่นล้าน 

ธนาคารกสิกร

ธนาคารและบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิสําหรับปี 2564 จํานวน 38,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจํานวน 8,566 ล้านบาท หรือ 29.05% และมีกําไรสุทธิสําหรับไตรมาส 4 ปี 2564 จํานวน 9,901 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากการลดลงของสํารองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จํานวน 3,216 ล้านบาท หรือ 7.38% 

โดยธนาคารและบริษัทย่อยพิจารณาตั้งสํารองฯ ในปี 2564 จํานวน 40,332 ล้านบาท ซึ่งยังคง เป็นสํารองฯ ภายใต้หลักความระมัดระวัง และมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อย คุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 สูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 159.08% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ที่อยู่ที่ระดับ 149.19% ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจํานวน 7,822 ล้านบาท หรือ 6.13% หลัก ๆ เกิดจากการให้ สินเชื่อใหม่ตามยุทธศาสตร์ของธนาคารแก่ลูกค้าที่มีศักยภาพและมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้า รวมทั้งลูกค้าบางส่วนยังอยู่ภายใต้มาตรการพักชําระเงินต้นและดอกเบี้ย ทําให้ธนาคารต้องมีการบริหารจัดการดอกเบี้ยค้างรับอย่างต่อเนื่อง 

โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.21% สําหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจํานวน 1,910 ล้านบาท หรือ 4.17% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการ จําหน่ายหลักทรัพย์ และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่ลดลง แม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจํานวน 2,312 ล้านบาท หรือ 7.01% หลัก ๆ จากค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน และค่านายหน้ารับจากการซื้อขายหลักทรัพย์ 

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจํานวน 4,103,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 จํานวน 444,601 ล้านบาท หรือ 12.15% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิ และการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่มี ศักยภาพ รวมทั้งมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า

กำไรสุทธิ 10,474 ล้านบาท โต 4%

ธนาคารทหารไทยธนชาต 

หลังหักสำรองฯ และภาษี ทีทีบีมีกำไรสุทธิ 10,474 ล้านบาทในปี 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE ที่ร้อยละ 5.1 ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพบริหารจัดได้อยู่ในระดับต่ำที่ 2.81%

สำหรับรายได้ของทีทีบี ที่มีการเติบโตของรายได้ชะลอตัวท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  ที่ยืดเยื้อ ทีทีบีมีรายได้ดอกเบี้ยสำหรับรอบ 12 เดือน ปี 2564 อยู่ที่ 51,000 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.2 สำหรับปี 2565 วางแผนกลับมาโตสินเชื่อ เพิ่มศักยภาพด้านดิจิทัลและเตรียมนำเสนอบริการด้านการเงินที่ครบวงจรยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เดินหน้าควบคุม Google ยื่นคำร้องขาย Chrome หวังสกัดการผูกขาดตลาด Search Engine

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลให้ Google ต้องขายเบราว์เซอร์ Chrome แยกจากบริษัท หลังศาลตัดสินว่า Google ละเมิดกฎหมายการผูกขาดตลาด Search Engine...

Responsive image

TikTok ประกาศลุยสู่เป้าหมายเป็น 'บริษัทที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก' ท่ามกลางวิกฤตแบนสหรัฐฯ

Shou Zi Chew ซีอีโอ TikTok ประกาศเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก ท่ามกลางกระแสแบนในสหรัฐฯ และความกังวลด้านความปลอดภัยข้อมูลในยุโรปและแคนาดา พร้อมลงทุนเสริมความปลอ...

Responsive image

Apple ยอมลงทุนเพิ่ม 10 เท่า สู่ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หวังอินโดนีเซียปลดแบน iPhone 16

Apple เพิ่มข้อเสนอการลงทุนในอินโดนีเซีย หลังรัฐบาลแบน iPhone 16 เนื่องจากขาดการผลิตในประเทศ ขณะที่นโยบายเข้มงวดนี้อาจดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท้องถิ่น...