สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิได้เผยรายงานว่า ฟินแลนด์ครองอันดับ 1 ของ EU ในด้าน Digital Economy and Society Index (DESI) ประจำปี 2022 สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการวางรากฐานสู่สังคมดิจิทัลอย่างแข็งแกร่ง
ซึ่งมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1956 รัฐบาลฟินแลนด์ได้ติดตั้งคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในสถาบันความมั่นคงทางสังคมและในธนาคารและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการพยายามที่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ในการให้บริการสาธารณะและในระบบการเงินการธนาคาร โดยความพยายามดังกล่าวได้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นในช่วงปี 1990 ที่รัฐบาลฟินแลนด์มีการจัดทำแผนกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่การเป็นสังคมสารสนเทศ (Information society programmed) โดยมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการสร้างสังคมสารสนเทศ เช่น คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในสถาบันการศึกษา มีการพัฒนาเนื้อหาสารสนเทศสำหรับนักเรียนและการผลิตครู รวมถึงการให้ความรู้ประชาชนเพิ่มเติมในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น การวางพื้นฐานดังกล่าวทำให้ฟินแลนด์กลายเป็นประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงในด้านเทคโนโลยี เนื่องจากมีแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานทำให้เป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการและพัฒนาการทำงานและการให้บริการทั้งของรัฐและเอกชน
ปัจจุบัน รัฐบาลฟินแลนด์ได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติ "Digital Compass" เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางสู่การปฏิรูปและพัฒนาระบบดิจิทัลของประเทศ โดยรัฐบาลฟินแลนด์กำหนดให้ใช้เป็นแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ โดยวางกรอบแผนงานในการปฏิรูปและพัฒนาระบบดิจิทัลในฐานะหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ฟินแลนด์ประสบความสำเร็จในการใช้นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพลเมืองในสังคม รวมถึงเสริมสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับประโยชน์ แนวคิด และทิศทางของการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบเศรษฐกิจให้ถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (data economy) มีเป้าหมายสำคัญคือ การสร้าง "ฟินแลนด์ที่มีความสามารถทางดิจิทัลที่น่าดึงดูด สามารถแข่งขันได้ มีความยั่งยืนและเจริญรุ่งเรือง" โดยยึดถือหลักความยั่งยืน (sustainability) การฟื้นฟู (renewal) ความปลอดภัยทางดิจิทัล (digital security) การให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง (human-centric approach) การไม่แบ่งแยก (Inclusion) และการไว้วางใจกัน (trust) โดยเฉพาะการดำเนินการตามแผน “Digital Compass” ซึ่งคาดหวังให้บรรลุเป้าประสงค์ได้ในปีภายในปี 2030 โดยแผนยุทธศาสตร์นี้ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่
ปัจจุบัน ฟินแลนด์มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบและร่วมบูรณาการในการพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการ digitalization ระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น ตลอดจนภาคเอกชนอย่างชัดเจน เริ่มจากกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ดูแลภาพรวมของการจัดเก็บข้อมูล การพัฒนาโครงสร้างและการให้บริการต่าง ๆ ของรัฐ อีกทั้งดูแลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและการนำนโยบายไปปฏิบัติใช้ และเตรียมพร้อมสำหรับแผนการบริหารงานต่าง ๆ ในด้านนี้ ส่วนในการกำหนดกรอบและเป็นผู้นำในกระบวนการ digitalization ของการบริการสาธารณะอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายสารสนเทศและการสื่อสาร (the Public Sector ICT department) ในขณะที่ การส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบดิจิทัลในระดับเทศบาลและท้องถิ่นอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายรัฐบาลท้องถิ่น และการบริหารจัดการส่วนภูมิภาค (the Department for Local Government and Regional Administration)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทุกกระทรวงมีพันธกิจที่ต้องขับเคลื่อนให้แต่ละกระทรวงดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบาย digitalization ของรัฐบาล โดยมีหน่วยงานที่สำคัญสูงสุด คือ the Digital and Population Data Services Agency กระทรวงการคลัง ทำหน้าที่พัฒนาข้อมูลรวมศูนย์ของเว็บไซต์ Suomi.fi ทำหน้าที่ให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริการของรัฐ เทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ รัฐบาลฟินแลนด์ ให้ความสำคัญสูงสุดต่อ “ข้อมูลของประชาชน” โดยต้องดำเนินการยืนยันตัวตนของประชาชนในระบบอินเตอร์เน็ต (ประชาชนทุกคนต้องไปรับการยืนยันตัวตนด้วยการเก็บลายนิ้วมือ – Fingerprints ที่สถานีตำรวจ) ก่อนการให้บริการสาธารณะดิจิทัล และข้อมูลต่าง ๆ สามารถสืบค้นและส่งต่อไปยังเทศบาลท้องถิ่น เพื่อให้การบริหารจัดการบริการสาธารณะแก่ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด
ฟินแลนด์มีบริการสาธารณะดิจิทัลที่หลากหลาย ครอบคลุม 9 หมวดหมู่ เช่น
กระทรวงการคลังฟินแลนด์อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ EU’s Digital Wallet (ระยะเวลาดำเนินโครงการนำร่องระหว่าง 26 เม.ย. 2024- 31 ธ.ค. 2026) ให้สอดรับกับ eIDAS Regulation ของ EU ซึ่งจะสามารถให้บริการสาธารณะที่สอดรับกับวิถีชีวิตของพลเมือง EU (ตรวจสอบการจ้างงานของประชาชน รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเสียภาษี การสั่งจ่ายเงินระหว่างประเทศ) โดยมุ่งเป้าไปที่การทำธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดให้อยู่ในระบบดิจิทัลที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการควบคู่ไปกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย และที่ผ่านมา ฟินแลนด์ใช้ National artificial intelligence program หรือ AuroraAI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมให้ราบรื่นและมีความปลอดภัยของข้อมูลตรงตามหลักจริยธรรม ทั้งนี้ กระบวนการ Digitalization จะนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลสาธารณะที่สอดคล้องกับ Real Time Economy และ Data Economy ซึ่งรัฐบาลสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาปรับแก้นโยบายสาธารณะและกฎหมายต่าง ๆ ตลอดจนสร้างแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
ความสำเร็จของฟินแลนด์ในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาการบริการสาธารณะผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ครอบคลุมในทุก ๆ ด้านและภาคธุรกิจผ่านทางช่องทางออนไลน์ เพราะหน่วยงานรัฐทุกฝ่ายดำเนินงานแบบบูรณาการอย่างต่อเนื่องและเชื่อมโยงกันจนเป็นระบบฐานข้อมูลสารสนเทศเดียวกัน ซึ่งไทยอาจศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบในส่วนที่เกี่ยวกับกระบวนการดิจิทัลที่ให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ครบวงจร ตลอดจนเทคโนโลยีเครือข่ายและ AI เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ และเป็นการใช้งบประมาณและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเท่าทันการพัฒนา E-government ของฟินแลนด์และประเทศอื่น ๆ ตาม slogan ของฟินแลนด์ที่ว่า “สังคมที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเท่านั้นที่จะสามารถก้าวนำสังคมอื่นได้ (Speed is essential – Digitalizing society)”
บทความโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด