หุ่นยนต์กระต่ายบุกฟลอริดา 120 ตัว ล่อจับงูหลามพม่าที่รุกรานระบบนิเวศในป่า

ในช่วงฤดูร้อนปี 2025 นักชีววิทยาในรัฐฟลอริดาได้ปล่อยหุ่นยนต์กระต่ายขนฟูจำนวน 120 ตัว ลงไปในพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดมหึมาอย่าง Everglades National Park เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อ “งูหลามพม่า” สายพันธุ์รุกรานเป็นปัญหาหนักของระบบนิเวศ

งูหลามพม่าถูกนำเข้ามาในสหรัฐฯ จากการค้าสัตว์เลี้ยงแปลกใหม่ หลายตัวถูกปล่อยหรือหลุดออกสู่ธรรมชาติ และไม่มีศัตรูตามธรรมชาติในเอเวอร์เกลดส์ ผลลัพธ์คือการขยายพันธุ์อย่างควบคุมไม่ได้ ปัจจุบันมีการประเมินว่ามีอยู่ระหว่าง 100,000–300,000 ตัว ในฟลอริดาตอนใต้

งูเหล่านี้สามารถโตได้ยาวกว่า 6 เมตร และเป็นนักล่าที่มีประสิทธิภาพสูง พวกมันทำให้ประชากรสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น แรคคูน กวาง แมวป่า และกระต่ายป่า ลดลงอย่างน่าตกใจ นักวิทยาศาสตร์บางรายถึงกับเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “การสูญพันธุ์แบบเงียบ” ของสัตว์พื้นถิ่นในพื้นที่

เมื่อหุ่นยนต์ถูกใช้เป็นเหยื่อล่อดิจิทัล

เพื่อแก้โจทย์นี้ ทีมวิจัยจาก South Florida Water Management District จึงทดลองกลยุทธ์ใหม่ Robotic Marsh Rabbits

หุ่นยนต์แต่ละตัวมีราคาประมาณ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และสามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกล จุดเด่นอยู่ที่ระบบปล่อยกลิ่นและความร้อนที่เลียนแบบเหยื่อจริงอย่างกระต่ายป่า ทำให้ดึงดูดงูหลามเข้ามาใกล้พื้นที่ที่ติดตั้งกล้องเฝ้าระวังไว้

การทดลองเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์นี้ เพิ่มอัตราการตรวจพบและการจับกุมงูได้จริง ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกในการต่อสู้กับปัญหาที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุด

สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือในการอนุรักษ์ นักวิทยาศาสตร์ยังคงใช้วิธีอื่นประกอบ เช่น

  • สุนัขดมกลิ่นที่ผ่านการฝึก
  • นักล่างูมืออาชีพ
  • การวิจัยทางพันธุกรรมเพื่อลดการสืบพันธุ์

และแคมเปญสื่อสารสาธารณะเพื่อป้องกันการปล่อยสัตว์เลี้ยงแปลกลงธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด Conservation Tech การนำเทคโนโลยีมาเสริมกระบวนการอนุรักษ์ที่ต้องอาศัยทั้งวิทยาศาสตร์ สังคม และนวัตกรรมทำงานไปพร้อมกัน

แม้ผู้เชี่ยวชาญจะยอมรับว่าการกำจัดงูหลามพม่าให้หมดสิ้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่การพัฒนาอย่างโครงการหุ่นยนต์กระต่ายนี้ทำให้เห็นว่า นวัตกรรมสามารถซื้อเวลาให้กับธรรมชาติ เปิดโอกาสให้สัตว์พื้นถิ่นได้ฟื้นตัว และสร้างความหวังใหม่ในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ

สำหรับวงการเทคโนโลยี นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า AI, Robotics และ IoT ไม่ได้มีบทบาทแค่ในโรงงานหรือเมืองอัจฉริยะ แต่ยังสามารถถูกนำมาใช้ในสนามรบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนที่สุดของโลกอย่างการสูญพันธ์ของสัตว์ป่า

อ้างอิง: discoverwildlife

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

จีนพัฒนา ‘Vision Heat’ เซนเซอร์มองทะลุควัน-หมอก ความละเอียด 4K ไม่ต้องใช้ความเย็น เห็นภาพความร้อนเหมือนตาของงู!

นักวิจัยจีนพัฒนาเซนเซอร์อินฟราเรด 4K แรงบันดาลใจจากตาของงู ใช้ Quantum Dots ผสาน CMOS ทำงานได้ที่อุณหภูมิห้อง เตรียมปฏิวัติกล้องสมาร์ทโฟนและรถไร้คนขับให้มองเห็นทะลุความมืดและหมอกคว...

Responsive image

เด็ก 19 สร้างนวัตกรรม ถุงมือพิมพ์งานในอากาศ จากการเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี MIT จนคว้ารางวัล SxSW Sydney 2025

พบกับ Freesia Gaul เด็กวัย 19 ที่ย้ายโรงเรียนถึง 13 ครั้ง แต่ใช้คอร์สเรียนฟรีจาก MIT สร้างถุงมือ VR พิมพ์งานกลางอากาศจนคว้ารางวัล SxSW และเปิด Startup ได้สำเร็จ...

Responsive image

Google Labs เปิดตัว ‘CC’ AI Agent สาย Productivity เลขาส่วนตัวอัจฉริยะ สรุปงาน–ส่งเมล–นัดประชุมให้เสร็จในคลิกเดียว

Google Labs เปิดตัว ‘CC’ AI Agent ผู้ช่วยสาย Productivity ที่เชื่อม Gmail, Calendar และ Drive เข้าด้วยกัน ช่วยสรุปงาน ร่างอีเมล และจัดการนัดหมายแบบอัตโนมัติ เปลี่ยน Inbox ให้กลายเป...