สมาชิกรัฐสภายุโรปมีมติเห็นชอบห้ามขายยานยนต์สันดาป ตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป เพื่อขยับเข้าใกล้เป้าหมายลดการปล่อยมลภาวะจากรถยนต์โดยสารและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กให้ได้ 100 % ภายในปี 2035
เมื่อวันพุธที่ผ่านมารัฐสภายุโรปมีมติเห็นชอบ 339 ต่อ 249 เสียง และงดออกเสียง 24 เสียง ต่อแผนการนี้ ซึ่งเสนอโดยคณะกรรมาธิการยุโรป โดยได้ตั้งเป้าหมายระยะกลางไว้ด้วยว่า ภายในปี 2030 จะต้องลดการปล่อยมลภาวะจากรถยนต์ 55% และ รถตู้ 50% เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายหลักที่จะต้องลดการปล่อยมลภาวะให้ได้ทั้งหมด
โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า รถยนต์โดยสารและรถตู้ มีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คิดเป็นสัดส่วน 12% และ 2.5% ตามลำดับ ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดในทวีปยุโรป ซึ่งหลังจากนี้สมาชิกรัฐสภายุโรปจะเริ่มปรึกษาหารือในเรื่องของกระบวนการต่าง ๆ ร่วมกับ 27 ประเทศสมาชิกต่อไป
ในขณะที่ทางฝั่งของสหราชอณาจักร ซึ่งได้ออกจากการเป็นสมาชิก EU ไปแล้วนั้น ได้มีการประกาศว่าจะยุติการขายของรถยนต์เบนซินและดีเซล ภายในปี 2030 ไปก่อนหน้านี้แล้ว เป้าหมายคือ เพื่อไม่ให้มียานพาหนะคันใดในสหราชอณาจักรมีท่อไอเสียอีกต่อไป ในปี 2035
“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รู้ว่ารัฐสภายุโรปตัดสินใจสนับสนุนมตินี้ เนื่องจากการสนับสนุนมตินี้ให้ลุล่วงภายในปี 2035 จะเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่สู่การแก้ปัญหาปัญหาโลกร้อน ภายในปี 2050” คุณยาน ฮุยเตมา สมาชิกรัฐสภายุโรปจากเนเธอร์แลนด์ กล่าว
Oliver Zipse ประธานสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งยุโรป (ACEA) และ CEO ของ BMW กล่าวว่า อุตสาหกรรมของเขาอยู่ท่ามกลางแรงผลักดันในวงกว้างจากรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีรถรุ่นใหม่เข้ามาเรื่อย ๆซึ่งเขามองว่า ด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่ทั้งโลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนั้น ยังเร็วไปที่จะสร้างกฎเกณฑ์ใด ๆ มาบังคับใช้ในระยะยาวเกินทศวรรษนี้
อ้างอิง cnbc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด