ต้องยอมรับว่าการเข้าสู่สนาม Southeast Asia ของ Go-Jek ซึ่งล่าสุดเข้าสู่ตลาดประเทศไทยในชื่อ GET ทำให้ Grab ก็คงอยู่เฉยไม่ได้ ก่อนหน้านี้ Grab ก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และความร่วมมือหลายอย่างออกมาภายในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา (ไตรมาสที่ 2) ไม่ว่าจะเป็น
ล่าสุด เมื่อขึ้นไตรมาสที่ 3 แล้ว Grab ประกาศลุยสนาม Logistics และ Instant Delivery เปลี่ยนชื่อบริการจาก GrabDelivery ประกาศเปิดตัว GrabExpress บริการส่งพัสดุผ่านรถจักรยานยนต์, รถยนต์ หรือรถปิคอัพ ถึงที่หมายในวันเดียว ชูจุดเด่นผู้ใช้บริการจะได้รับรูปพัสดุเพื่อยืนยันสภาพอยู่ตลอด จะปิดงานได้ก็ต้องส่งรูปพัสดุที่ส่งให้แก่ลูกค้าเข้าในระบบด้วย
GrabExpress ประกาศเปิดตัวบริการรับส่งพัสดุแบบออนดีมานด์ ที่รวมเครือข่ายรถทุกประเภทของบริการจาก Grab เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และรถปิคอัพ Grab ระบุว่าการเปิดตัวบริการนี้ก็เพื่อตอบโจทย์ความต้องการบริการเดลิเวอรี่จากผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น โดยขณะนี้ได้เปิดให้บริการแล้วบนแอพพลิเคชัน Grab เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Grab ระบุว่าการเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น จากเดิมที่เคยเปิดบริการในชื่อ GrabDelivery ในปีที่แล้วซึ่งให้บริการส่งพัสดุผ่านทางมอเตอร์ไซค์เท่านั้น ซึ่งกาารเปิดตัว GrabExpress มีการเพิ่มประเภทรถอย่างรถยนต์และรถปิคอัพขึ้นมา เพื่อรองรับพัสดุที่มีน้ำหนักมากขึ้น
ฟีเจอร์เด่นของ GrabExpress ที่ชูขึ้นมา ระบุว่าได้จากการศึกษา Pain Point ของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี 3 ฟีเจอร์เด่น คือ
โดย GrabExpress จะเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และเชียงใหม่ก่อน หลังจากนั้นจะขยายไปยังพื้นที่ที่มาการส่งพัสดุมากอย่าง พัทยา, ขอนแก่น, นครราชสีมา, หาดใหญ่, ภูเก็ต, สมุย, สุราษฎร์ธานี, เชียงราย, หัวหิน, อุบลราชธานี, อุดรธานี, บุรีรัมย์, นครศรีธรรมราช และกระบี่ ให้ได้ครบภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ยังมีบริการ GrabExpress for Business สำหรับผู้ค้าที่เป็น SMEs หรือค้าขายผ่าน E-Commerce เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องส่งพัสดุในปริมาณมากๆ ได้ใช้บริการในราคาที่ถูกกว่าอีกด้วย
บริการแรกที่ Grab ประกาศเปิดตัวภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2561) คือ GrabMart บริการหาคนช่วยไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้สถานที่ที่เราอยู่มากที่สุด
โดยในเดือนสิงหาคมนี้ Grab จะทดลองเปิดให้บริการดังกล่าวในรูปแบบ Beta เพื่อช่วยซื้อสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อ โดยจะมีพาร์ทเนอร์ผู้ส่งสินค้าจาก GrabExpress เป็นผู้รับออร์เดอร์สินค้าและซื้อของใช้จำเป็นจากร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven, FamilyMart และ Tesco Lotus Express ฯลฯ ให้กับผู้ใช้ ราคาค่าบริการเริ่มต้นที่ 10 บาท (ไม่รวมราคาของสินค้าที่ซื้อมา)
ส่วนอีกบริการที่ Grab จะเปิดตัวภายในปีนี้ คือ GrabFresh บริการซื้อและจัดส่งสินค้าจากซุ
ภายในไตรมาสนี้ Grab ยังเปิดเผยว่าจะมีการเปลี่ยน UI ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น รองรับนโยบายการเป็น Super App และ Everyday App (แอปที่เป็นทุกๆ อย่างในทุกๆ วันในอนาคตอีกด้วย) ในอนาคต
"ตลาด E-Commerce เมืองไทยเติบโตสูงมาก แต่หลายคนไม่ทราบว่าความคาดหวังของลูกค้าก็เพิ่มขึ้นด้วย เมื่อก่อนสองวันสามวันก็รอได้ แต่ตอนนี้รอไม่ได้แล้ว ซึ่งเราคิดว่าสิ่งนี้จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้" คุณธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ Grab ประเทศไทย กล่าว
คุณธรินทร์ยังระบุว่า Strategy ของ Grab ในช่วงหลังจะใส่ใจการสร้าง Partnership มากยิ่งขึ้น โดยในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา Grab ก็วิ่งเข้าหา Partner มากขึ้น เพื่อให้ Grab และ Partner ได้มีบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าคนเดียวกัน มากกว่าการสร้างบริการด้วยตัวคนเดียว โดยยอมรับว่า Grab ทำทุกอย่างไม่ได้ จึงต้องจับมือร่วมกับ Partner นั่นเอง
ส่วนเรื่อง Wallet ของ Grab นั้นทาง Grab ระบุว่ายังอยู่ในช่วงการพูดคุยและทำงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งต้องใช้เวลา 9-12 เดือน กว่าจะมีบริการออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ก็ถูกถามว่าตั้งรับกับการเข้ามาของ Go-Jek อย่างไร? คุณธรินทร์ตอบว่า "เราก็ทำสิ่งต่างๆ ที่เราทำอยู่ให้ดีและก้มหน้าก้มตาทำไป ออกสิ่งใหม่ๆ ถี่ขึ้น ฟังเสียงจากลูกค้า แล้วก็ปรับสิ่งต่างๆ ให้ตอบโจทย์ลูกค้า สร้าง Partner ยกระดับชีวิตคนขับ และสร้างสังคมให้ดีขึ้นต่อไป"
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด