กรุงเทพฯ เป็นเมืองอันดับที่มีรถติดมากที่สุดมากเป็นอันดับ 1 ของโลก (ข้อมูลเมื่อปี 2016) โดยมีผู้อาศัยกว่า 5.7 ล้านคน อีกทั้งมีรถยนตร์กว่า 10 ล้านคัน แม้กระนั้น การให้ข้อมูลประชาชนในการเดินทางยังไม่เพียงพอ การเปิดตัว 'Trip Planner' ถือเป็นก้าวสําคัญสู่วิสัยทัศน์ของ Grab ที่มุ่งมั่นในการสร้างการเดินทางในชีวิตประจําวันที่ไร้รอยต่อ เข้าถึงได้ง่าย และมีราคาเหมาะสม ให้แก่ผู้คนในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หลังจากที่ได้เปิดตัว 'Trip Planner' ในกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย เป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ได้ขยายการให้บริการและเปิดให้บริการแล้วในกรุงเทพฯ สิงคโปร์ และกัวลาลัมเปอร์
ผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ยังจะได้รับประโยชน์จากจํานวนผู้สัญจรที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก Grab ช่วย ให้การเดินทางเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนและวางแผนการเดินทางได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยบริการรถยนต์ ร่วมโดยสารของ Grab อีกทั้งยังทําให้เข้าใจข้อมูลและพฤติกรรมการเดินทางเกี่ยวกับผู้ใช้ผ่านแอพพลิเคชั่น และมองเห็นโอกาสในเชื่อมต่อโครงข่ายในบริเวณที่การให้บริการยังไม่ครอบคลุม เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงโครงข่าย และการเข้าถึงในทุกพื้นที่
นอกจากนี้ยังถือเป็นการนําร่องพัฒนา Mobility as a Service (MaaS) ระบบคมนาคมขนส่งที่เข้าถึงได้โดยคนทั่วไป และยังตอบรับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมและสนับสนุนวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของประเทศไทย เพื่อลดการใช้รถส่วนตัว ช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษในเมือง
ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อํานวยการ สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าวว่า “ในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ การขนส่งและจราจรถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสําคัญที่สามารถนําเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ในการบริหารจัดการ หนึ่งในรูปแบบระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ซึ่งหลายประเทศได้เริ่มทดลองใช้ คือ Mobility as a Service (MaaS) ที่ผู้เดินทางสามารถเลือกใช้รูปแบบการเดินทางที่เป็นการขนส่งสาธารณะของ รัฐบาลและการขนส่งของภาคเอกชนได้ตามความต้องการผ่านแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ โดยจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือนหรือตามที่ใช้จริง
สําหรับประเทศไทย รัฐบาลได้ริเริ่มแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยมีระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) เป็นหนึ่งในแกนหลักในการพัฒนาเมือง การนําเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ ทันสมัยและชาญฉลาดมาประยุกต์ใช้กับระบบจราจรและขนส่งอัจฉริยะอย่างฟีเจอร์วางแผนการเดินทาง
แนวคิดในการพัฒนา Mobility as a Service (MaaS) ของ Grab จึงเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการผสานความ ร่วมมือและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของภาคเอกชน เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดผล เป็นรูปธรรมผ่านโครงการของภาครัฐ โดยนอกจากประชาชนที่อาศัยอยู่ใน 7 จังหวัดนําร่อง ซึ่งได้แก่ กรุงเทพ ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา นักท่องเที่ยวในพื้นที่เหล่านี้ยังจะได้รับประโยชน์และสามารถ เดินทางได้อย่างสะดวกสบายผ่านบริการดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ อย่างมีประสิทธิภาพและตอบรับโลกแห่งเทคโนโลยีในปัจจุบันด้วยอีกทางหนึ่ง”
รศ.ดร. สรวิศ นฤปิติ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า "การจราจรติดขัดยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของประเทศไทย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโครงสร้างพื้นฐานขนส่ง มวลชนยังไม่ครอบคลุม ส่งผลให้การเดินทางจากต้นทางและสู่ปลายทาง (FMLM - First Mile/Last Mile) ยังไม่ เชื่อมต่อกันอย่างเต็มรูปแบบ และผู้คนยังคงจําเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางสัญจรในชีวิตประจําวัน
โดยทางออกหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาปัญหาจราจรได้คือการใช้บริการรถยนต์ร่วมโดยสาร (Ride-Hailing) และ การให้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ใช้รถใช้ถนนให้สามารถเลือกรูปแบบการเดินทาง เส้นทาง และค่า โดยสารที่ตรงความต้องการ อาทิ ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา หรือหลีกเลี่ยงเส้นทางที่หนาแน่น ซึ่งผู้ให้บริการที่ สามารถช่วยวางแผนและผนวกรูปแบบการเดินทางขนส่งที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน
รูปแบบ Mobility as a Service (MaaS) นี้ จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง ลดความแออัดของการจราจร ลดความจําเป็นใน การใช้รถส่วนตัว และลดปัญหารถติดและมลพิษ ทําให้การเดินทางให้มีความคล่องตัว เข้าถึงง่าย มีราคา เหมาะสม และเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ของประเทศอีกทางหนึ่ง”
คุณธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในกรุงเทพฯ มีจํานวนรถส่วนตัว และมอเตอร์ไซค์ที่จดทะเบียนกว่า 9.8 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ถนนและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ สามารถ รองรับได้ถึง 8 เท่า และยังคงเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจํานวนรถส่วนตัวดังกล่าว เป็นเหตุสําคัญ ที่ทําให้เกิดปัญหารถติดในกรุงเทพฯ เราจึงมีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างระบบการคมนาคมขนส่งที่เชื่อถือได้และไร้รอยต่อ ซึ่งจะทําให้ผู้คนลดการใช้รถส่วนตัวในที่สุด ระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพเป็นทางออกเดียวที่จะแก้ไขปัญหา การจราจรโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณรถบนท้องถนน และด้วยฟีเจอร์ “ทริป แพลนเนอร์” เราจึงสามารถนําเสนอทางเลือกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่เหมาะสมสําหรับใช้ในชีวิตประจําวัน และที่สําคัญคือเป็นทางเลือกที่สามารถแทนที่การใช้รถส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด