ยังคงเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่องสำหรับกรณีการซื้อขายกิจการของ Grab และ Uber ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการด้านการแข่งขันและผู้บริโภคประเทศสิงคโปร์ (Competition & Consumer Commision of Singapore) ได้ประกาศว่าการซื้อขายกิจการครั้งนี้ทำให้เกิดการค้าที่ไม่เป็นธรรมและทำการสั่งปรับเป็นเงินมูลค่า 13 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือราว 308 ล้านบาท
สำหรับการสืบสวนโดย CCCS ดำเนินการตามกฎหมายป้องกันการผูกขาดทางการค้า ซึ่งนอกจากการควบรวมกิจการที่ทำให้ Grab มีส่วนแบ่งตลาดในสิงคโปร์สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทาง CCCS ยังพบว่า Grab ได้ขึ้นราคาค่าบริการจากเดิมราว 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับราคาที่ไม่เป็นธรรมทั้งจากผู้ใช้บริการและผู้ขับ Grab มายัง CCCS เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับ GrabReward ที่มีสัดส่วนคะแนนต่อการใช้จ่ายที่ลดลง ส่วนผู้ขับขี่ก็ได้รับค่าตอบแทนจูงใจในมูลค่าและความถี่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม
Mr.Toh Han Li, Chief Executive ของ CCCS กล่าวว่า การควบรวมกิจการของทั้งคู่ทำให้การแข่งขันน้อยลง เพราะการควบรวมกิจการระหว่าง Grab และ Uber เป็นการนำคู่แข่งคนสำคัญของ Grab ออกจากตลาด ซึ่งเป็นข้อน่ากังวลแก่ผู้ขับใน Platform ทั้งนี้ Grab ยังสามารถพัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ๆ มาตอบโจทย์ตลาดได้ แต่ไม่ใช่กับการควบรวมกิจการที่ส่งผลต่อการแข่งขัน
นอกจาก ค่าปรับมูลค่า 13 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งแบ่งเป็นรายละ 6 ล้านเหรียญสิงคโปร์ แล้ว CCCS ยังบังคับให้ Uber ต้องขายรถยนต์ที่เช่าจาก Lion City Rental ให้กับผู้ให้บริการ Ride-Hailing รายอื่นนอกจาก Grab เพื่อป้องกันไม่ให้ Grab ครอบครองกิจการรถเช่าดังกล่าว
ทั้งนี้ บริษัททั้งสองที่รับข้อกล่าวหาจาก CCCS ได้ออกมาตอบโต้ โดย Uber กล่าวว่าการตัดสินใจของ CCCS ไม่ตรงกับความเหมาะสมของการแข่งขันในตลาด ส่วน Grab กล่าวว่าการซื้อขายครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการเพิ่มราคาและการเปลี่ยนเงื่อนไขค่าจูงใจ
เครดิตข้อมูลจาก cccs.gov.sg
ติดตามประเด็น Grab ซื้อกิจการ Uber ได้ที่นี่
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด