ใครได้อะไร? เมื่อ Grab ควบรวมกิจการ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | Techsauce

ใครได้อะไร? เมื่อ Grab ควบรวมกิจการ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า Uber เตรียมขายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ Grab ล่าสุด Grab ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการแล้วว่าได้ซื้อกิจการ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) ภายใต้ข้อตกลงที่ถือว่ามีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์การซื้อธุรกิจออนไลน์ในภูมิภาค สรุปมาให้ดูคร่าว ๆ ว่าทั้ง Grab และ Uber ใครได้อะไรไปบ้าง?

Uber ได้อะไร?

  • ได้ถือหุ้นใน Grab 27.5%
  • CEO ของ Uber คือ Dara Khosrowshahi จะได้นั่งเป็นกรรมการบริษัทของ Grab

Grab ได้อะไร?

  • ได้กิจการของ Uber (รวมไปถึงได้กิจการของ UberEats ใน Southeast Asia) ในประเทศแถบ Southeast Asia ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม
  • รายชื่อคนขับ และผู้โดยสารจากแอปพลิเคชัน Uber รวมไปถึงลูกค้าที่สั่งอาหาร ผู้จัดส่ง และพันธมิตรร้านอาหารจากแอพพลิเคชั่น UberEats
  • ได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนรายใหญ่อย่าง Softbank ที่ลงทุนใน Didi Chuxing ในจีน, Ola ในอินเดีย, รวมไปถึง Uber และ Grab ด้วย

ข้อมูลอื่น ๆ

ข้อมูลจากแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า แอปพลิชัน Uber จะให้บริการต่อไปอีกเป็นเวลาสองสัปดาห์ (หรือวันที่ 8 เมษายน 2561) เพื่อให้เวลาแก่คนขับ Uber ในการเข้าไปลงทะเบียนสมัครกับแกร็บทางช่องทางออนไลน์ที่ www.grab.com/th/comingtogether

ส่วนแอปพลิเคชั่น UberEats จะให้บริการต่อไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2561 และหลังจากนั้นข้อมูลรายชื่อผู้จัดส่งและพันธมิตรร้านอาหารก็จะถูกถ่ายโอนไปยังแอปพลิเคชั่นของ Grab (GrabFood) ต่อไป

แถลงการณ์จาก Grab ระบุว่า

ภายหลังการควบรวมธุรกิจ แกร็บจะมุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการแบบ O2O (Online to Offline) และผู้ให้บริการรับส่งอาหารชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้แถลงการณ์จาก Grab ยังระบุด้วยว่าข้อตกลงการซื้อกิจการ Uber ใน Southeast Asia ครั้งนี้ ถือว่ามีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์การซื้อธุรกิจออนไลน์ในภูมิภาคนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าการซื้อขายว่ามีจำนวนเท่าใด

ความคิดเห็นกองบรรณาธิการ : Monopoly ข้อกังวลที่หลีกหนีไม่ได้?

แน่นอนผู้บริโภคย่อมต้องเกิดข้อกังวลต่อการควบรวมกิจการของสองยักษ์ใหญ่ด้าน Ride-hailing ที่ก่อนหน้านี้มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่เมื่อเป็นรายเดียว ซึ่งแข่งแกร่งมากขึ้น ผู้บริโภคจะมีทางเลือกหรือไม่

ในมุมของ Techsauce เรามองว่าในหลายประเทศก็มีบริการ Ride-hailing ที่เกิดจาก Startup หรือ Corporate ในประเทศนั้น ๆ อยู่แล้ว ซึ่งโอกาสนี้อาจจะทำให้ผู้เล่นรายเดิมหรือรายใหม่ ทั้งภาครัฐและเอกชน เข้ามาแข่งขันในการให้บริการแท็กซี่ได้มากยิ่งขึ้น

โดยในประเทศไทยปัจจุบัน มีผู้ให้บริการอยู่หลายราย อ่านได้ที่บทความ เปรียบเทียบหมัดมวย บริการ Ride-Hailing ในไทยปี 2018 โดยจะพบว่ายังมีทั้ง LINE TAXI, All Thai Taxi, Smart Taxi, Taxi OK และ Liluna ที่ให้บริการอยู่

จับตากันยาว ๆ ครับ ปีนี้ Ride-hailing ใน Southeast Asia โดยเฉพาะในไทยสนุกแน่

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...