สงครามระหว่าง “การเมือง” กับ “การศึกษา” กลายเป็นเรื่องใหญ่ในอเมริกาอีกครั้ง เมื่อมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Harvard University ประกาศควักเงินตัวเอง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้สานต่องานวิจัย หลังโดนรัฐบาลทรัมป์ “เบรกงบสนับสนุนงานวิจัย” มูลค่ากว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ประธานมหาวิทยาลัย Alan Garber และ Provost John Manning ส่งจดหมายถึงคณาจารย์และบุคลากร แจ้งว่า ทางมหาวิทยาลัย “ไม่สามารถรองรับภาระทั้งหมดได้” แต่จะพยายามระดมทรัพยากร เพื่อให้ผลงานวิจัยที่สำคัญไม่หยุดชะงัก พร้อมชี้ว่า การระงับงบวิจัยครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คือความพยายามแทรกแซงอิสระทางวิชาการ
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การเงิน แต่เป็นประเด็นเสรีภาพของสถาบันการศึกษาแบบเต็มรูปแบบ
Harvard ระบุว่า การที่รัฐบาลทรัมป์ระงับงบ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามควบคุมมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในเรื่องการบริหารจัดการ การรับนักศึกษา และการจ้างงาน ซึ่งเกิดจากการกล่าวหาเรื่อง “การจัดการปัญหา antisemitism บนแคมปัส” ได้ไม่ดีพอ
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ เริ่มจากการแช่แข็งงบวิจัยมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และล่าสุดมีคำสั่ง “ยกเลิก” การให้ทุนอีก 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยให้เหตุผลว่า Harvard ล้มเหลวในการจัดการปัญหาการเลือกปฏิบัติและไม่สามารถคุ้มครองนักศึกษาชาวยิวได้หลังเหตุการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
Harvard ตอบโต้ด้วยการยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์ในชั้นศาล โดยอ้างว่า รัฐบาลใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือบีบให้สถาบันการศึกษายอมให้รัฐเข้ามาควบคุมโครงสร้างภายใน ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ
ล่าสุด มหาวิทยาลัยได้ขยายคำฟ้องให้ครอบคลุมการตัดงบรอบใหม่ พร้อมระบุในจดหมายภายในว่า “การกระทำของรัฐบาลกลาง กำลังหยุดยั้งงานวิจัยที่อาจช่วยชีวิตผู้คน และทำให้หลายโครงการต้องสูญเสียเวลาและทรัพยากรที่สะสมมากว่าหลายปี”
Harvard ซึ่งมี เงินบริจาคสะสมสูงถึง 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และใช้เงินตัวเองในการสนับสนุนงานวิจัยอยู่แล้วราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
แม้ปีนี้จะสูญเสียงบวิจัยจากรัฐบาลกลางไปราว 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ยังมีแหล่งทุนจากภาคเอกชนและองค์กรไม่แสวงกำไรอีกประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงทุนจากบริษัทเอกชน สถาบันสุขภาพ และกระทรวงพลังงาน
และเพื่อให้ช่วงเวลานี้ไม่กลายเป็น “หลุมดำของวงการวิจัย” Harvard จึงตัดสินใจอนุมัติงบ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มเติมจากเงินมหาวิทยาลัยเอง เพื่อให้ทีมวิจัยที่ได้รับผลกระทบยังคงเดินหน้าต่อได้ระหว่างหาแหล่งทุนใหม่
ในอีกหนึ่งสัญญาณของความรับผิดชอบ Harvard ประกาศว่า Alan Garber ประธานมหาวิทยาลัย จะ ลดเงินเดือนตัวเอง 25% ตลอดปีการศึกษาที่จะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
แม้จะไม่มีการเปิดเผยเงินเดือนในตำแหน่งประธานอย่างเป็นทางการ แต่ในฐานะ Provost ก่อนหน้านี้ เขาเคยรับค่าตอบแทนรวมกว่า 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเคยลดเงินเดือนลงเช่นเดียวกันช่วงวิกฤตโควิดในปี 2020
นอกจากนี้ Harvard ยังออกมาตรการรัดเข็มขัดอย่างต่อเนื่อง เช่น การ ชะลอการจ้างงาน และทบทวนการลงทุนบางส่วน เพื่อลดผลกระทบระยะยาวจากการสูญเสียงบวิจัย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด