อินเดียมุ่งสู่การเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมชิป โดยตั้งเป้าผลิตชิปตัวแรกของประเทศภายในอีก 2 ปี สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะผลักดันให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตชิปแห่งใหม่ของโลก ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ที่กำลังมองหาฐานการผลิตใหม่เพื่อทดแทนจีน โดยบริษัทชั้นนำอย่าง Nvidia, AMD และ Micron ต่างให้คำมั่นที่จะขยายการลงทุนในอินเดีย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน
Apple เป็นหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการขยายฐานการผลิตมายังอินเดีย โดยปัจจุบันอินเดียผลิต iPhone ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 14% ของยอดขายทั่วโลก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Apple ยังได้ขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทอื่น ๆ เช่น iPad, AirPods และ Apple Watch ในอินเดีย ส่งผลให้เกิดการสร้างงานมากกว่า 150,000 ตำแหน่ง ทำให้ Apple กลายเป็นนายจ้างรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของอินเดีย
ความก้าวหน้าของอินเดียในอุตสาหกรรมชิปเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Apple และบริษัทอื่นๆ ในการกระจายห่วงโซ่อุปทานออกจากจีน โดยรัฐมนตรียืนยันว่า ความสำเร็จของอินเดียไม่ควรขึ้นอยู่กับปัญหาของจีน "อินเดีย..ไม่ได้พึ่งพาจีน เรามีความสามารถของเราเอง"
นอกจากนี้อินเดียไม่ได้หยุดอยู่แค่การผลิตชิป แต่ยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมี Google, Microsoft และ Nvidia เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันในระดับโลก
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานและข้อบังคับที่ซับซ้อน แต่ด้วยความมุ่งมั่นของรัฐบาล การสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยี และศักยภาพของบุคลากร อินเดียมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็น "มหาอำนาจเทคโนโลยี" แห่งใหม่ของโลกในอนาคต
ซึ่งในประเทศไทยเอง PTT ได้จับมือ Hana Electronics สร้างโรงงานชิปในไทย โดยมีมูลค่าการลงทุนในระยะแรก 11.5 พันล้านบาท (ประมาณ 350 ล้านดอลลาร์) และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายใน 2 ปี การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างตำแหน่งของไทยในภาคเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น
โครงการนี้ถือเป็นการตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง และจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก
อ้างอิง: cnb, thailand-business-news
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด