เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา “แจ็ค หม่า” ‘แจ็ค หม่า’ ประธานกรรมการบริหารอาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) มาเยือนประเทศไทยเพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 4 ฉบับ เตรียมลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC: Eastern Economic Corridor) ด้วยเงินลงทุนขั้นแรก 11,000 ล้านบาท สร้าง Smart Digital Hub เปิดใช้ในปี 2562 ไปนั้น
ล่าสุดประชาชาติธุรกิจได้รายงานว่า โครงการดังกล่าว "ยังไม่มีความคืบหน้า" ในการก่อสร้าง แต่มีแนวโน้มจะขอเปลี่ยนแปลงวิธีการได้มาซึ่ง “กรรมสิทธิ์” ในที่ดิน
ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการเยือนประเทศจีนของ "นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าชมงาน International China Import-Export ได้มีการหารือระหว่างฝ่ายไทยกับแจ็ค หม่า ประธานบริษัทอาลีบาบา ในประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ Digital 4.0
ทางแจ็ค หม่า (Jack Ma) ก็ได้ยื่นข้อเสนอใหม่ ระบุว่าอาลีบาบาต้องการที่จะขอ “ซื้อที่ดิน” ในประเทศไทยแทนการ “เช่าที่ดิน” ที่ตกลงกันไว้เบื้องต้น แต่แลกกับการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นมากกว่าการเป็น Hub ธรรมดา ๆ โดยต้องการให้เป็น "Logistics Hub" เพื่อพัฒนาสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและจีน รวมถึงการสร้างศูนย์พัฒนาบุคลากรระหว่างไทยกับจีนด้วย
โดยทีมงานของ EEC และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รับทราบข้อเสนอใหม่ของอาลีบาบาแล้ว และได้สั่งการให้ทั้ง 2 หน่วยงานร่วมกันในการหาทางออกให้กับข้อเสนอซื้อที่ดินว่าจะสามารถทำได้อย่างไร และเกี่ยวพันกับกฎหมายฉบับใดที่เปิดช่องให้สามารถดำเนินการได้บ้าง
ที่ผ่านมาอาลีบาบาได้ทำข้อตกลงกับภาคเอกชน คือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เพื่อขอเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สำหรับพัฒนาเป็นเขตส่งเสริมธุรกิจ E-Commerce และ Smart Logistics ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยนางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท WHA Corporation กล่าวว่า อาลีบาบาจะเช่าที่ดินประมาณ 130,000 ตารางเมตร อีกทั้งกระบวนการด้านการเงินตามรายละเอียดของสัญญาที่ตกลงกันไว้ก็ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับการทำสัญญาได้ เพราะเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกัน แต่ยืนยันว่าได้มีการทำสัญญาเช่าไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
อ้างอิงข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด