JD.com นำ Blockchain มาใช้ในจีน ให้คุณตรวจสอบเนื้อสเต็กที่ซื้อมาได้ว่ามาจากที่ไหน แก้ปัญหาอาหารปลอมแปลง | Techsauce

JD.com นำ Blockchain มาใช้ในจีน ให้คุณตรวจสอบเนื้อสเต็กที่ซื้อมาได้ว่ามาจากที่ไหน แก้ปัญหาอาหารปลอมแปลง

หลังจากที่เราเคยถ่ายทอดเรื่องการติดต่อเนื้อหมูในจีนด้วย Blockchain มาแล้วโดยการจับมือระหว่าง Walmart และ IBM  ล่าสุดยักษ์ใหญ่ด้าน Ecommerce อันดับ 2 ของจีนอย่าง JD ก็ออกโรงบ้าง ให้สามารถติดตามที่มาที่ไปของเนื้อสเต็กตั้งแต่วัวเกิด จนกระทั่งมาอยู่ในจานอาหารของผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีอย่าง Blockchain เช่นกัน

JD.com จับมือร่วมกับ Kerchin โรงงานผลิตเนื้อวัวจากมังโกเลียนำ Blockchain มาใช้ในการติดตามคุณภาพเนื้อวัวที่วางขายบน JD ได้แล้ว ซึ่งตอนนี้เปิดให้บริการในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางซู ที่มาที่ไปเกิดจากปัญหาเรื่องความมั่นใจในคุณภาพของอาหารในประเทศจีนโดยตรง และเคยมีเรื่องของนมผงที่พรากชีวิตเด็กทารกไปถึง 6 คนด้วยกันในปี 2008 และข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่ว ไม่รู้อะไรจริงหรือหลอกกันแน่ ส่งผลกระทบไปทั้งผู้ผลิต คล้งเก็บสินค้า และบริษัทผู้จัดจำหน่าย

ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ทำให้ผู้บริโภคสามารถติดตามได้ตั้งแต่ว่ามาจากฟาร์มไหน กระบวนการเริ่มจาก Kerchin จะทำการสแกนบาร์โค้ดและเก็บข้อมูลของการขนส่งและรายละเอียดที่มาต่างๆ ก่อนถึง JD ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลขึ้นมา ทั้ง 2 ฝ่ายจะรู้ทันทีว่ามีการแก้ไขข้อมูล

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ตัวอย่างง่ายๆ เลยคือการลองสั่งเนื้อวัวจาก JD น้ำหนัก 200 กรัมทางออนไลน์และได้รับของในวันถัดไป ซึ่ง packaging จะมี QR Code มาด้วย เมื่อใช้ JD แอปฯ สแกนจะเห็นข้อมูลว่า วัวตัวนี้มีอายุ 3 ปี น้ำหนัก 605 กิโลกรัม มาจากที่ไหน วัวถูกเลี้ยงด้วยอะไร และถูกฆ่าในวันที่เท่าไหร่  และผ่านกระบวนการรักษาคุณภาพอาหารมาอย่างไร

 

ไม่ใช่แค่ JD.com ที่เป็นผู้เล่นจากจีนเท่านั้น ก่อนหน้านี้ Alibaba ผู้เล่น Ecommerce ใหญ่สุดก็ออกมาประกาศตั้งแต่เดือนมีนาคมจับมือกับ PwC นำ Blockchain มาติดตามคุณภาพเนื้อที่มาจากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งที่มีการนำเข้าเนื้อวัวมากที่สุด แม้จะมีข่าวด้านนี้ออกมาเรื่อยๆ และมีแต่คนคาดหวังว่าจะนำ Blockchain ไปใช้ติดตามสินค้าอื่นๆ อีกหลายอย่าง แต่การ Scale เห็นจะไม่ง่ายนัก อย่างกรณีของ JD และ Kerchin เป็นการเก็บข้อมูลและอัพโหลดข้อมูลกันแค่ 2 ฝ่าย แต่ถ้าต้องเอามาใช้กับ Supply Chain ทั่วโลกถือเป็นความท้าทายอย่างมากเลยทีเดียว เพราะส่วนใหญ่ไม่อยากเปิดเผยข้อมูลให้กัน

ที่มา: QZ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...