JD เปิดตัวร้านค้าไร้พนักงานที่อินโดนีเซีย และเป็นร้านค้าแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | Techsauce

JD เปิดตัวร้านค้าไร้พนักงานที่อินโดนีเซีย และเป็นร้านค้าแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ก่อนหน้านี้เราพึ่งเขียนบทความส่องตลาดจีนไปหยกๆ ทั้งเรื่องของร้านค้าที่ทันสมัยและการขยายธุรกิจมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ทันไรยักษ์ใหญ่จากจีนสายอีคอมเมิร์ซพึ่งเปิดร้าน JD.ID X-Mart ด้วยขนาด 270 ตรม. ย่าน PIK Avenue ในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ตามมาติดๆ โดยจุดสำคัญคือ "เป็นร้านที่ไม่มีพนักงานประจำ counter ร้านแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว" ถือเป็นหนึ่งในความพยายามของ JD ที่จะนำเอาเทคโนโลยีร้านไร้พนักงานมาขยายสู่ต่างประเทศ

ร้านแห่งนี้ขายสินค้าแฟชั่นและสินค้าอุปโภคบริโภค โดยลูกค้าที่ซื้อของไม่ต้องเข้าคิว เบื้องหลังการทำงานใช้ AI เป็นหลัก ภายในร้านติดตั้งกล้องไว้ทั่วเพื่อเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์และติดตามการเดินของคนที่เข้ามา ทำให้ JD เข้าใจพฤติกรรมการซื้อของ, เตรียมจัดการสินค้า, การจัดแสดงการวางสินค้า และมุมอื่นๆ ในการจัดการ

ภาพจาก JD

วิธีการใช้งาน

    1. เปิดแอปพลิเคชั่นที่ชื่อ JD ID app
    2. เปิด JD ID X ซึ่งเป็น QR code ของตนเอง หลังจากนั้นเมื่อไปที่ประตูทางเข้าให้ทำการสแกน QR code และจะมีกล้อง Face Recognition จับใบหน้าและ mapping เพื่อเก็บข้อมูล
    3. สินค้าต่างๆ จะมีการติดตั้ง RFID ไว้ คุณสามารถหยิบและเลือกซื้อได้ตามปกติ
    4. ในจุดชำระเงินจะทำการแสกนใบหน้าอีกครั้ง และตัดเครดิตตามที่คุณได้ผูกข้อมูลเอาไว้
    5. ระบบจะมีการส่งรายละเอียดการสั่งซื้อทั้งหมดไปที่อีเมล และแอปฯ อีกที

โมเดลธุรกิจที่เป็นมากกว่าแค่ร้านค้า แต่คือ Retail as a Service 

ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้เปิดตัวร้านที่ปักกิ่งตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน และปัจจุบันขยายทั่วจีน 20 ร้านแล้ว และยังมีแผนขยายต่ออีก 100 ร้านสาขาที่จาร์กาตาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ Retail as a Service ของทาง JD โดยตรงที่จะนำเอาเดต้าเบสข้อมูลที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมต่างๆ นำมาวิเคราะห์เป็น Insight ที่มีประโยชน์อาทิ สินค้าประเภทไหนควรมีเก็บไว้ หรือนำมาทำโฆษณา พฤติกรรมการใช้จ่าย โดยในตอนนี้มีคลังสินค้าทั้งหมด 9 แห่งกระจายอยู่ใน 7 เกาะ และมีแผนขยายเพิ่มเป็น 3 ถึง 4 แห่งภายในปีนี้ เพื่อให้ยอดการสั่งซื้อ 85% ของทั้งหมด สามารถส่งได้ภายในวันเดียวกันหรือวันรุ่งขึ้นเลย โดยก่อนหน้านี้ JD เปิดตัวธุรกิจออนไลน์แพลตฟอร์มในอินโด

อ้างอิงจาก : JD corporate blog และ  Technode

ความคิดเห็นกองบรรณาธิการ

JD เปิดตัวแพลตฟอร์มธุรกิจออนไลน์ในอินโดนีเซียก่อนช่วงเดือนมีนาคม 2016 ซึ่งมีสินค้าที่ขายได้มากกว่า 350,000 SKU และรองรับผู้ใช้ทั่วประเทศกว่า 20 ล้านคน และยังลงทุนใน GoJek ซึ่งเป็น Strategic Investment ทางด้านการขนส่งสินค้า

ในขณะที่กลยุทธ์  Retail as a Service การติดตามดูพฤติกรรมของคนในห้างแบบออฟไลน์ด้วยเทคโนโลยีการจดจำและติดตามทุกรูปแบบด้วย Face Recognition, RFID และขับเคลื่อนด้วย AI เฉกเช่นเดียวกับที่จีนทำเพื่อค้นหา Insight นั้น แม้ไม่ใช่กลยุทธ์ใหม่แต่อย่างใด (เพราะในจีนและโลกตะวันตกก็ทำมาสักพักแล้ว แม้แต่ 7-11 ก็เริ่มอิมพลีเมนต์ที่เกาหลีใต้และไต้หวัน) แต่ที่จีนไปไวมากเพราะมี Ecosystem ทั้งระบบชำระเงิน ระบบขนส่งสินค้าที่ถูกวางไว้ก่อนหน้าและเกื้อหนุนกันไว้พร้อมแล้ว โดยผูกขาดอยู่เพียงแค่ 2 รายอย่าง Alibaba และ Tencent ( ลงทุนใน JD)

พอมองกลับมาแถบบ้านเราบ้าง ถ้าคนที่คิดจะขยายและอิมพลีเมนต์กลยุทธ์นี้ก็คงหนีไม่พ้นการจับมือกับจีนแน่นอน แม้แค่คิดว่าน่าจะเป็นปีหน้ามากกว่า แต่พอเจอข่าวนี้เข้าไป ยอมรับว่าเข้ามาใกล้ตัวเร็วกว่าที่คิดไว้ โดยเลือกเอาประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่อย่างอินโดนีเซียก่อนหนึ่งสาขา แน่นอนว่าสังคม Cashless Society ของอินโดนีเซียไม่ได้ล้ำขนาดที่จีน Ecosystem ไม่ได้พร้อมขนาดนั้น การชำระเงินในช่วงแรกเป็นการชำระผ่าน account ที่ผูกกับบัตรเครดิต ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยมากในอินโดนีเซีย (อนาคตช่องทางน่าจะมากกว่านี้) ดังนั้นช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ดีที่จะให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมนี้ก่อน และเป็นการทดสอบตลาดไปในตัว และไม่แน่บ้านเราก็อาจจะได้เห็นเช่นกันจากการจับมือร่วมกันระหว่าง JD และ Central 

ครั้งนี้เป็นเสมือนการแข่งขันของ 2 ค่ายนอกประเทศอีกแล้ว โดย JD ออกตัวก่อน ในขณะที่ Alibaba ก็ลงทุนใน Tokopedia ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซในอินโดฯ  และใช้ AntFinancial ลงทุนใน TrueMoney ของกลุ่ม CP (ที่มี Retail ขนาดใหญ่เช่นกันอย่าง 7-11) อย่างไรก็ตามการก้าวมาก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าจะสำเร็จกว่า งานนี้เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Willow ชิปควอนตัมจาก Google แรงทะลุจักรวาล ประมวลผลเรื่องยากได้ในเวลา 5 นาที เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ล้านล้านเท่า

Willow คือชื่อชิปควอนตัมใหม่ที่ Google พัฒนาสำเร็จ โดยแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง ชิปตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป้าหมายในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้เร็ว...

Responsive image

ไทยตื่นตัวเซมิคอนดักเตอร์ ปิดดีลไปแล้วกว่า 22,000 ล้าน ภายในระยะเวลา 4 เดือนก่อนสิ้นปี

ไทยก้าวสู่ยุคเซมิคอนดักเตอร์เต็มตัว! 4 เดือนก่อนสิ้นปี ปิดดีลลงทุนไปกว่า 22,000 ล้านบาท เสริมฐานการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมผลักดันบุคลากรสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต...

Responsive image

ลิซ่า ซู จาก AMD คว้า CEO แห่งปี 2024 จากนิตยสาร TIME

ลิซ่า ซู ซีอีโอ AMD ได้รับเลือกให้เป็นซีอีโอแห่งปี 2024 จากนิตยสาร TIME โดยได้รับการยกย่องในวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำที่สามารถพลิกฟื้น AMD จากการเกือบล้มละลายเมื่อ 10 ปีก่อน กลายเ...