JKN ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ในอาเซียน เติบโตก้าวกระโดด เตรียมย้ายจากตลาด mai เข้า SET ภายในปลายปีนี้

JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล สุดปัง!! รับแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/63 เติบโตก้าวกระโดด จากแผนรุกหนักขยายตลาดต่างประเทศ ขณะที่โค้งสุดท้ายของปีเตรียมปิดการขายลูกค้ารายใหม่เพิ่ม หลังปรับกลยุทธ์ทำตลาดประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ โชว์อัตราการทำกำไรขั้นต้นสูงกว่าเป้าหมาย คาดสามารถเทรดบนกระดานซื้อขายหลักทรัพย์เข้าสู่ SET ได้ทันภายในปลายปีนี้  

คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์คอนเทนต์ หลังวิกฤติ COVID-19 มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทั้งในและต่างประเทศ ต่างชะลอการผลิตคอนเทนต์แล้วหันมาซื้อลิขสิทธิ์สำเร็จรูปเพื่อนำไปออกอากาศแทนการผลิตรายการเอง จึงเป็นโอกาสทองของ JKN ในการทำตลาดเพื่อจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น จึงถือได้ว่าเป็นปีที่ดีของ JKN ในการสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งนี้ เป็นผลมาจากจุดแข็งด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่ นำมาจำหน่าย มีความหลากหลายรายการและครอบคลุมใน 8 กลุ่มคอนเทนต์ทั้งสาระและความบันเทิงครบทุกรูปแบบ ในลักษณะสิทธิ Output Deal จากเจ้าของสิทธิ์ ที่เป็นแบรนด์ดังระดับโลก ตลอดจนความเชี่ยวชาญในการทำตลาดตลอดจนการเชี่ยวชาญในการคัดสรรคอนเทนต์ที่นำมาจำหน่าย ทำให้ประสบความสำเร็จในการรุกขยายตลาดต่างประเทศได้ต่อเนื่อง หลังจากมีการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในตลาดอาเซียนไปแล้วกว่า 100 เรื่อง ใน 7 ประเทศ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีและไต้หวัน เพื่อออกอากาศผ่านช่องทีวีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ OTT ส่งผลให้มีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศมากกว่า 30% ของยอดขายรวมทั้งหมด

สำหรับทิศทางดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังเดินหน้ารุกขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 /2563 JKN สามารถจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์อินเดียและฟิลิปปินส์ ให้แก่ มาเลเซียและกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มขึ้นรวมถึงทยอยส่งมอบคอนเทนต์ซีรีส์ละครไทยจากช่อง 3 ให้แก่ TV5 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดรายการฟรีทีวีช่องหลักของประเทศฟิลิปปินส์ ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ มีการขยายฐานลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติมทั้งในกลุ่มประเทศแถบลาตินอเมริกา บรูไน ไต้หวัน ศรีลังกา บังคลาเทศ แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และภูฏาณ ซึ่งส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในปีนี้

“กลยุทธ์เติบโตของเราในช่วงครึ่งปีหลัง มาจากการรุกขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ ในตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยผลักดันผลงานของ JKN ในปีนี้ให้เติบโต 10-15% โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดคล้องยุทธศาสตร์การดำเนินงานของ JKN ที่ต้องการมีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า และผลักดันให้ JKN ก้าวสู่การเป็นบริษัท Global Company ที่สร้างสรรค์ประสบการณ์จากคอนเทนต์ที่หลากหลายระดับโลกเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” คุณจักรพงษ์ กล่าว  

นายธีรภัทร์ เพ็ชรโปรี รองกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชี JKN กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินงานและภาพรวมของปี 2563 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีก่อน โดยคาดว่ากำไรขั้นต้นในปีนี้จะปรับตัวได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 40% และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในปี 2564 เนื่องจากต้นทุนลิขสิทธิ์รายการที่บริษัทฯ ซื้อมาในปี 2563 นี้ สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายคอนเทนต์ได้มากขึ้น ประกอบกับมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ หลังปรับกลยุทธ์ทำตลาดและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ทดแทนการไปออกบูทในต่างประเทศ 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังบริหารและควบคุมลูกหนี้คงค้างได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของรายได้ โดยมีลูกหนี้การค้าทั้งในและต่างประเทศทยอยชำระคืนหนี้คงค้างมาอย่างต่อเนื่อง  

ส่วนความคืบหน้าการนำหลักทรัพย์ JKN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ยื่นเอกสารแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาจาก สำนักงาน กลต. โดยเชื่อมั่นว่า JKN จะซื้อขายในกระดานหลักทรัพย์ SET ได้ทันภายในปีนี้ จึงเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปในการเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ JKN เพิ่มเติม 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

คัมภีร์ราคา ChatGPT อธิบายทุกแผนราคาแบบเข้าใจง่าย

คู่มืออธิบายแพ็กเกจ ChatGPT ทุกรูปแบบ ทั้ง Free, Plus, Pro, Team, Enterprise พร้อมเปรียบเทียบฟีเจอร์ ราคา และข้อจำกัด เลือกแผนที่เหมาะกับคุณได้ง่าย ๆ...

Responsive image

ยิ่งคุยกับ AI ยิ่งทำให้ใจยิ่งเหงา ? ส่องงานวิจัยล่าสุดจาก MIT Media Lab x OpenAI

จากพิมพ์คุยกับแชทบอท ChatGPT สามารถคุยเล่นเป็นเพื่อนแก้เหงาจนดูเป็นเหมือนเพื่อนแท้ของใครหลายคน แต่คำถามสำคัญที่ตามมาคือ การคุยกับ AI ส่งผลต่อความรู็สึก และชีวิตสังคมของเราหรือเปล่า...

Responsive image

ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์! พนักงานหมดความเชื่อมั่นต่อองค์กร ลดลงเหลือ 44.4%

ความเชื่อมั่นของพนักงานที่มีต่อองค์กรลดลงอย่างหนัก ล่าสุด Glassdoor รายงานว่า มีเพียง 44.4% ของพนักงานที่ยังคงเชื่อมั่นต่อองค์กร ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 20...