ธนาคารกสิกรตั้งหน่วยงานใหม่ผลักดัน Digital Banking เต็มสูบ | Techsauce

ธนาคารกสิกรตั้งหน่วยงานใหม่ผลักดัน Digital Banking เต็มสูบ

ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจต่างๆ กำลังถูกหลอมรวมเชื่อมโยงกัน ระหว่างรูปแบบเดิมกับรูปแบบใหม่ ด้วยคำว่า Digital จนหลายครั้งเริ่มที่จะแยกจากกันไม่ออกแล้ว Digital Banking กับภาคธุรกิจธนาคารก็เป็นเช่นนั้น ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักพิมพ์ Bangkok Post ถึงการผลักดัน Digital Banking อย่างจริงจัง ด้วยการตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาชื่อ Kasikorn Business-Technology Group (KBTG) และได้คุณธีรนันท์ ศรีหงส์ มาเป็นประธานดูแลรับผิดชอบโดยตรง

c1_815124_160104065805_620x413

เป้าหมายของการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาเพื่อผลักดันและโฟกัสด้าน Digital Banking โดยตรง ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ทางคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติระบบ E-Payment เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558

KBTG เป็นหน่วยงานที่เรียกว่าอัพเกรดมาจากหน่วยงานไอทีของตัวธนาคารเอง ซึ่งมีพนักงานรวมๆ แล้วกว่า 600 คน และกำลังวางแผนจะเพิ่มจำนวนพนักงานอีก คุณธีรนันท์กล่าว

ปัจจุบันได้เปิดทำการแล้ว โดยหน่วยงานนี้ต้องสร้างรายได้ให้กับธนาคาร ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่อันดับ 4 ของประเทศในแง่ของสินทรัพย์ 

หลังๆ เราได้เห็นว่าทางกสิกรได้ชะลอการเปิดสาขาใหม่ เนื่องจากการมุ่งไปที่ Digital Banking มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้มีแผนที่จะปิดตัวสาขาใดๆ ที่มีกว่า 1,119 สาขา เหตุผลมาจากลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงทำธุรกรรมการเงิน ผ่านช่องทางแบบเดิมอยู่

แต่สำหรับคนที่นิยมใช้ออนไลน์ไปแล้ว กลับพบว่า K-mobile banking มียอดการทำธุรกิจทางการเงินพึ่งแซง Internet Banking มาได้สักระยะแล้ว 

ในตอนนี้ ธนาคารกสิกรมีจำนวนผู้ใช้งาน Digital Banking กว่า 7 ล้านราย ซึ่งมียอดทำธุรกรรมทางการเงินกว่า 10.7 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54 ของส่วนแบ่งตลาดในรอบ 9 เดือนแรกของปี ในแง่ของผู้ใช้งาน ธนาคารกสิกรเองถือส่วนแบ่งตลาดคิดเป็นร้อยละ 37 ของธุรกิจ Digital Banking

กสิกรมีลูกค้าองค์กรที่มียอดขายต่อปีมากกว่า 400 ล้านบาท โดยใช้บริการ Digital Banking สำหรับการทำธุรกรรมการเงิน ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นสูงถึง 5.23 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.5 ของธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด (ตุลาคม 2558) ทางธนาคารคาดว่าการใช้งานของ Digital Banking จะเพิ่มเป็นร้อยละ 50 ในอีก 3 ถึง 5 ปีหน้า ทำให้ธนาคารสามารถลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ถึงปีละกว่า 300 - 350 ล้านบาท

ที่มา: Bangkokpost 

และเมื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหน่วยงานของ KBTG ในเอกสารที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ก็พบว่ามีหน่วยงานในเครือที่สนับสนุนด้านนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่อีกมากมาย อย่าง Kasikorn Labs ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งนวัตกรรมที่เกิดขึ้นภายในและต้องมีการค้นหานวัตกรรมจากภายนอกเพื่อพาร์ทเนอร์อย่าง Fintech Startup ด้วยแน่นอน

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Soft Power และ Technology คือสิ่งที่ประเทศไทยจะเดินต่อไปในอีก 5 ปีข้างหน้า สรุปแนวคิด ทักษิณ ชินวัตร

ดร.ทักษิณ ชินวัตรเผยวิสัยทัศน์ 5 ปีข้างหน้าของประเทศไทยในงาน Forbes Global CEO Conference เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ซอฟต์พาวเวอร์ และการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อเสริมสร้างความสามารถ...

Responsive image

เปิดบ้าน WHA สำรวจศักยภาพ นวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ

WHA Open House 2024: Explore – Discover – Shape the Future เป็นการเปิดบ้านครั้งแรกของ WHA เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ WHA Group ในฐานะต้นแบบของธุรกิจที่นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช...

Responsive image

จีนบุกตลาด AI เปิดตัวโมเดล DeepSeek-R1 ให้เหตุผลเหมือนมนุษย์ ท้าชน o1 จาก Open AI

AI จีนขอท้าชิงพื้นที่ตลาด เมื่อบริษัทวิจัย AI เปิดตัวโมเดล DeepSeek-R1 โมเดล AI ให้เหตุผลใกล้เคียงกับมนุษย์ เปิดตัวมาท้าชิงความสามารถของโมเดล o1 จาก OpenAI...