
สี จิ้นผิง กำลังพิจารณาแผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมไฮเทคฉบับใหม่ เพื่อส่งเสริมการผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง สานต่อจากแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ที่เคยประกาศใช้เมื่อปี 2015 โดยจะมุ่งเน้นการผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงโดยเฉพาะอุปกรณ์การผลิตชิป สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนที่ต้องการรักษาบทบาทการเป็นโรงงานใหญ่ของโลกต่อไป โดยคาดว่าแผนใหม่นี้น่าจะครอบคลุมระยะเวลาไปอีก 10 ปีข้างหน้า
นอกเหนือจากแผนด้านต้นแล้ว มีรายงานเพิ่มเติมว่า จีนกำลังทำแผนพัฒนาประเทศระยะ 5 ปีฉบับใหม่ เริ่มใช้ปี 2026 ซึ่งต้องการให้โรงงาน และการผลิตต่างๆ มีส่วนสำคัญต่อ GDP ของประะเทศ แสดงให้เห็นว่าจีนยังมองว่าการผลิตเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับความมั่นคง และการเติบโตของประเทศ
การที่จีนยังอยากเน้นการผลิตเช่นนี้ อาจทำให้สหรัฐฯ และยุโรปไม่ค่อยพอใจนัก เพราะมองว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบและทำให้การค้าไม่สมดุล สหรัฐฯ เองก็พยายามกีดกันจีนเรื่องการค้า และเทคโนโลยีโดยเฉพาะเรื่องชิป รวมถึงใช้มาตรการภาษีต่างๆ และอยากให้จีนเน้นให้คนในประเทศใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก แต่จีนก็ยังอยากพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากที่จีนกังวลเรื่องความมั่นคง การถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีจากภายนอก และต้องการลดการพึ่งพาชาติอื่นในระยะยาว.
การที่จีนต้องมาเน้นเรื่องเครื่องมือผลิตชิปมากเป็นพิเศษ อาจเป็นผลมาจากการที่สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ เช่น เนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่น ไม่ยอมจำหน่ายเครื่องมือทำชิปคุณภาพสูง โดยเฉพาะเครื่องจักรสำหรับการพิมพ์ลายวงจรขั้นสูง (lithography) ให้กับจีน
เครื่องมือเหล่านี้จำเป็นมากหากต้องการสร้างชิปที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้กับ AI เทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีใหม่ๆ แม้ว่าบริษัทจีนจะทำชิปได้บ้างแล้วจากเครื่องมือเก่าที่เคยซื้อไว้ก่อนมีมาตรการจำกัด แต่การไม่มีเครื่องมือที่ดีที่สุดก็ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์
สำหรับแผน Made in China 2025 ของจีนที่เคยประกาศใช้ มุ่งเน้นไปที่ 10 อุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพื่อสร้างนวัตกรรมในการผลิต โดยหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตมาจากกลยุทธ์นี้ก็คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทำให้จีนก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของโลก
อ้างอิง : Bloomberg
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด