เชื่อว่าทั้งผู้อ่านและมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) คงรู้ดีว่าการพูดในงาน Facebook Developer Conference หรือ F8 ปีนี้แตกต่างออกไปจากทุกปี
โดยปกติแล้วงาน F8 นี้จะต้องมีการประกาศเปิดตัว Product หรือ Feature ใหม่ ๆ รวมไปถึงแถลงถึงวิสัยทัศน์และแนวทางที่ Facebook จะเดินไปในอนาคต
แต่เนื่องด้วยกระแสของเรื่อง Cambridge Analytica, ข่าวปลอม (Fake News), การแทรกแซงการเลือกตั้งจากรัสเซีย, Hate Speech (ข้อความหรือคำพูดทำให้เกิดความเกลียดชัง) ที่ลุกลามไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Facebook ก็กล่าวชุดคำขอโทษออกไปมากมาย ต่อมาในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจึงเริ่มปรับปรุงระบบและ Privacy (ความเป็นส่วนตัว) ซึ่งดูเหมือนว่าใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
Mark คงรู้ดีว่าจะรับมือกับปัญหาและวิกฤตเฉพาะหน้าอย่างเดียวไม่ได้ เพราะหน้าที่หลักของงานนี้ คือการเปิดตัว Product และ Vision ใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น
"การตัดสินใจที่ยากที่สุดในปีนี้ไม่ใช่เรื่องการลงทุนในด้านความปลอดภัยและความมั่นคง" Mark กล่าว "ผมหมายความว่านั่นเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด - ไม่มีทางเลือกที่จะไม่ทำอย่างนั้น (หมายความว่าต้องทำ - ผู้เขียน) คำถามที่เราต้องตั้งจริง ๆ คือ เราจะหาหนทางที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยสิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างไร? ซึ่งตอนนี้ Facebook Community ของเราก็คาดหวังสิ่งนั้นจากเราอยู่"
ในประเด็นสำคัญของแผนนี้ ก็คือการยอมรับปัญหาของเฟซบุ๊ก และแนะนำฟีเจอร์ใหม่ให้กับพวกเขา แต่ Mark ก็จะแสดงความรับผิดและกล่าวคำขอโทษเพื่อสร้างความไว้วางใจ
จากนั้นตอบสนองความคาดหวังของแฟน ๆ และ Developer ที่ต้องการเนื้อหา และ นักพัฒนาที่น่าสนใจ ซึ่งธุรกิจต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของ Facebook
หลังจากเรื่อง Cambridge Analytica ถูกเปิดเผยครั้งแรก Mark ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่มีการตอบสนองช้ามาก
"เรากำลังพยายามทำความเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดของสิ่งที่เกิดขึ้น และผมคิดว่าผมคำนวณผิดพลาดไป ผมควรจะพูดอะไรบางอย่างออกมาเร็วกว่านี้ แม้ว่าผมจะยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด เมื่อพวกเราเริ่มตรวจสอบและเรียนรูุ้ทุกอย่างแล้ว ผมคิดว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพียงแค่ว่าเราควรจะจัดการทุกอย่างให้ได้เร็วกว่านี้" Mark กล่าว
ซึ่งในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่เขาเผชิญใน F8 เป็นปัญหาในภาพใหญ่สำหรับ Facebook
แน่นอนเรารู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราเป็นหนี้ต่อโลกนี้ คือ 'นี่คือสิ่งที่เรากำลังจะทำเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้น [อีกครั้ง]'
บนเวที Mark ก็ได้แนะนำฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้งาน ได้แก่ Clear my Off-Facebook History ที่ผู้ใช้สามารถตรวจสอบประวัติการเข้าเว็บไซต์และแอปบน Facebook ได้ รวมไปถึงสามารถเลือกที่จะลบหรือไม่ได้ประวัติดังกล่าวได้อีกด้วย
ส่วนเรื่อง Developers ผู้ที่ควรจะมา F8 แน่นอนว่าพวกเขาไม่พอใจเมื่อ Facebook ระงับการ Review App ในเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา ตั้งแต่ App ใหม่ ๆ เพิ่งเข้าสู่ระบบของ Facebook ไม่ได้
"ผมคิดว่ามีความกังวลและเป็นที่ชัดเจนว่าลำดับความสำคัญของเราทำให้แน่ใจว่าข้อมูลของผู้คนมีความปลอดภัย" เขากล่าว "ความเป็นจริงส่วนใหญ่นักพัฒนามีเจตนาดีและสร้างสิ่งที่ดีขึ้น ดังนั้นผมจึงคิดว่าถ้าคุณเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ดีก็คงไม่น่าจะรู้สึกรำคาญการหยุด Review App เว้นแต่ว่าคุณไม่ได้เป็นห่วงทิศทางของแพลตฟอร์มในระยะยาว"
นอกจากนี้ยังมีการประกาศฟีเจอร์ใหม่อย่าง Dating ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างโปรไฟล์แยกกันเพื่อติดตามการหาคู่ได้
ในขณะ Facebook กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล แต่ Mark ก็ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ และมองว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่จะพูดถึงการเปิดตัวฟีเจอร์ Dating โดยยืนยันว่าข้อมูลผู้ใช้จะยังได้รับความเป็นส่วนตัวและมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน
มีคนถาม Mark ว่า "วิกฤตินี้ทำให้ Facebook แตกต่างกันหรือไม่?"
Mark ตอบว่าเป็นได้ทั้ง "ไม่เปลี่ยนแปลง" หมายความว่าภารกิจ (Mission) ของเรายังเหมือนเดิม
แต่อีกคำตอบหนึ่งก็คือ "เปลี่ยนแปลง" โดย Mark ระบุว่า "ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุด คือ การทำงานเชิงรุกเพื่อค้นหาและป้องกันการล่วงละเมิด บทเรียนครั้งใหญ่คือเราต้องใช้มุมมองที่กว้างขึ้นในเรื่องความรับผิดชอบของเรา ไม่ใช่แค่การสร้างเครื่องมือโดยมองว่ามนุษย์อยู่บนความสมดุลที่ดี ดังนั้นเครื่องมือก็จะถูกใช้อย่างสมดุล"
"ซึ่งมันคงไม่เพียงพอที่จะให้เครื่องมือของมนุษย์มาพูดในสิ่งที่พวกเขาต้องการแล้ว จากนั้น Facebook ก็รับเรื่อง และพยายามที่จะตอบสนองต่อข้อเท็จจริงนั้น เราพยายามมีบทบาทในการตรวจสอบมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจเครื่องมือต่าง ๆ ว่าไม่ได้ถูกใช้ผิดวัตถุประสงค์"
Mark ตระหนักถึงความยากลำบากในการสร้างระบบของเขาเพื่อป้องกันเนื้อหาที่เป็นอันตรายในเชิงรุก
"ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านในระยะ 3 ปีเพื่อสร้างทีมจริง ๆ เพราะคุณไม่สามารถจ้างคน 30,000 คนข้ามคืนเพื่อมาทำงานได้" Mark กล่าว
"คุณต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขา(คน 30,000 คน)กำลังดำเนินงานได้จริง สร้างความเป็นผู้นำ และฝึกฝนพวกเขา รวมไปถึงการสร้างเครื่องมือ AI อีกด้วย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คุณจะทำได้โดยง่าย"
แต่ Zuckerberg กล่าวว่าการเดินทางใน 3 ปีนี้ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี "ข่าวดีก็คือเราเริ่มต้นเปลี่ยนมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ดังนั้นเราเหลือหนึ่งปี ผมคิดว่าภายในสิ้นปีนี้เราจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ เรายังไม่ถือว่ามันสำเร็จจริง
แต่ผมคิดว่านี่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับรูปแบบธุรกิจโดยรวมและรูปแบบการดำเนินงานของบริษัทเรา"
ในขณะเดียวกัน เราก็อยากให้คุณลองตัดสินด้วยตัวคุณเองว่า Facebook มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยฟังจากคำพูดของ Mark Zuckerberg บนเวที F8 ที่ผิดแปลกออกไป ได้ที่ Facebook for Developers Page
เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก WIRED
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด