หลังจากสหภาพยุโรปได้ออกนโยบายลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงครึ่งนึงอีกทั้งยังต้องการหา
ข้อตกลงยุติการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานฟอสซิลภายในปี ค.ศ. 2035
ซึ่งรายงานจากนิตยสาร Automobilwoche รายงานว่า Mercedes (Mercedes Benz Group AG)ต้องการ ลงทุนกว่าหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย โรงงานในจีน เยอรมนี และฮังการีให้ทันสมัยขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ เตรียมเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า และลดการปล่อยมลพิษ ทาง Mercedes ทางยังยืนยันอีกว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนจากการใช้พลังงานฟอสซิลมาใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดภายในสิ้นทศวรรษนี้ ถ้าสภาวะตลาดเอื้ออำนวย
“เรากำลังลงทุนเป็นจำนวนเงิน 3 หลักล้านกับโรงงานเพื่อการดำเนินการต่อไป”
ผู้จัดการฝ่ายผลิต Joerg Burzer กล่าวพร้อมเสริมว่าการลงทุนเหล่านี้จะลงทุนกับ
1.โรงงานในปักกิ่ง
2.Rastatt ในเยอรมนี
3. Kecskemet ในฮังการี
โดยมีผู้ผลิตรถยน์รายหนึ่งที่กำลังจะดำเนินงานใน Rastatt ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และจะผลิตแพลตฟอร์มรถยนต์ขนาดกะทัดรัดรุ่นแรกอย่าง MMA ภายในปีค.ศ. 2024 ซึ่งจำนวนรุ่นรถที่ผลิตใน Rastatt จะลดลงเหลือสี่รุ่นจากเจ็ดรุ่น
นอกจากการลงทุนกับโรงงานแล้วทาง Mercedes เองยังลงทุนไปกับการปรับปรุงระบบการพ่นสี ให้ทันสมัยกว่าพันล้านดอลลาร์กับโรงงานในเยอรมนีทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงงานที่ sindelfingen, โรงงานที่ Bremen และ โรงงานที่ Rastatt
จุดประสงค์หลักๆของการปรับปรุงระบบการพ่นสีก็เพื่อต้องการ ลดการใช้พลังงาน และ น้ำ ไปจนถึงการพึ่งพาก๊าซของระบบพ่นสี ซึ่งตรงข้ามกับพลังงานที่ปราศจากคาร์บอน
Mercedes กำลังพิจารณาที่จะขยายโรงงานในสหรัฐในเมืองทัสคาลูซาซึ่งบริษัท จะได้รับประโยชน์จากเงินอุดหนุนจากรัฐบาลภายใต้กฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ( Inflation Reduction Act ) ที่ออกโดย ประธานาธิบดี โจ ไบเดน หลังจากที่เข้าพาสหรัฐกลับเข้าร่วม ความตกลงปารีส ในปี ค.ศ.2021
ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะสนับสนุนในเรื่องเงินอุดหนุน(Subsidies) และเครดิตภาษี (Tax Credits) แต่อย่างไรก็ตาม การจะได้สิทธิประโยชน์ ผู้ผลิตก็ยังคงต้องผลิตตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนด เช่น การจะสามารถเข้าร่วมโปรแกรม EV Tax Credit (เครดิตภาษีจากรถไฟฟ้า) ได้ รถคันดังกล่าวที่จะผลิตนั้น ต้องใช้การประกอบจากอุปกรณ์และแร่ธาตุ (เช่น ผงลิเทียม และโคบอลต์) ตามแหล่งที่กำหนดไว้
อ้างอิง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด