Merkle Capital ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลรายแรกของไทย ในเครือ Cryptomind Group เปิดตัวกลยุทธ์ M-Metaverse และ M-Blockchain ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนใน Blockchain Infrastructure และ Metaverse เพื่อให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการเติบโตของ Ecosystem ต่างๆ ทั้งใน Metaverse และ สินทรัพย์ดิจิทัลโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นกระดูกสันหลังอย่าง Blockchain Infrastructure ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตระยะยาว
สำหรับ M-Metaverse และ M-Blockchain เสนอขายครั้งแรกในวันที่ 26-31 มกราคม 2565 โดยมีมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 100,000 บาท เริ่มบริหารจัดการสินทรัพย์อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565
วิสัยทัศน์ในการลงทุนของทั้ง 2 กลยุทธ์จะเป็นการลงทุนระยะยาว โดยเลือกเหรียญจากปัจจัยหลัก ๆ อย่างเช่น โปรเจกต์คุณภาพ Market Cap สูงลำดับต้นๆ ของตลาดเพื่อสภาพคล่องที่ดี, ทีมงานมีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ, โปรเจกต์มี Roadmap และเทคโนโลยีที่น่าสนใจรวมถึงมีความมั่นคงและปลอดภัย
2 กลยุทธ์นี้ เหมาะกับใคร ?
เหมาะสำหรับคนที่อยากลงทุนแต่ไม่มีเวลาบริหารสินทรัพย์หรือค้นหาข้อมูลในการลงทุนเชิงลึก เนื่องจากโลกคริปโตเคอร์เรนซี่นั้นเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว และที่สำคัญหากผู้ลงทุนมีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจที่ไม่มากพอหรือขาดความเข้าใจในสินทรัพย์ หากเลือกลงทุนด้วยตนเองอาจทำให้นักลงทุนตัดสินใจคลาดเคลื่อนและมีความเสี่ยงในเรื่องของการถูกแพลตฟอร์ม Rug Pull อีกด้วย
ซึ่งทางบริษัท Merkle Capital ได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้จึงได้เปิดตัว 2 กลยุทธ์ใหม่ทั้ง Metaverse และ Blockchain Infratructure โดยมีผู้จัดการกลยุทธ์บริหารกลยุทธ์ให้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังคอย Monitor และ Rebalance พอร์ตรวมถึงติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างสม่ำเสมอ เปิดโอกาสนักลงทุนได้เป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของตลาดอย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ M-Metaverse เป็นอย่างไร ?
Metaverse ได้เป็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จากการประกาศเปลี่ยนชื่อของ Facebook เป็น Meta เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ในการที่จะก้าวสู่ Metaverse อย่างเต็มตัว ทางบริษัท Merkle Capital จึงได้เล็งเห็นโอกาสและได้คิดค้นกลยุทธ์ M-Metaverse ให้ลูกค้าได้ร่วมลงทุน ซึ่งเป็นกลยุทย์ที่เป็นการลงทุนในเหรียญกลุ่ม Metaverse
โดยเบื้องต้นจะโฟกัสตัวที่มี Marketcap ลำดับต้น ๆ และเป็นผู้นำที่มีศักยภาพสูงเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันเราได้เลือกมาทั้งหมด 3 แพลตฟอร์มนั่นคือ The Sandbox, Decentraland และ Enjin โดยจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 50%, 25% และ 25% ตามลำดับ
กลยุทธ์ M-Blockchain เป็นอย่างไร ?
ในปีที่ผ่านมา ราคาเหรียญกลุ่ม Blockchain Infrastructure หลายเหรียญได้เติบโตแบบก้าวกระโดดตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักหมื่น % ซึ่งนำเทรนด์โดยเหรียญ $ETH ของเชนพี่ใหญ่ที่เป็นเชนต้นกำเนิดของ Smart Contract และ DApp บนบล็อกเชนและมีส่วนแบ่งในตลาดสูงสุด ก็เติบโตกว่า 460%
นอกจากนี้มีเหรียญจากเชนน้องใหม่มาแรงที่พัฒนามาแก้ไขปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมธุรกรรมให้ถูกลงกว่า Ethereum ได้มีราคาพุ่งทะยานแซงหน้า $ETH ไปหลายเท่า เช่น $AVAX จากเชน Avalanche และ $ONE จากเชน Harmony ส่วนเหรียญของบล็อกเชนที่มีเทคโนโลยีโดดเด่นเฉพาะตัว อย่าง Terra, Fantom, Solana
เหรียญกลุ่ม Blockchain Infrastructure มีมูลค่าขึ้นมาได้หลายเท่าในปีที่ผ่านมาจาก DeFi ที่เป็นเหมือนพลุจุดกระแสให้คนใช้งานบล็อกเชนกันมากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกบนเชน Ethereum จากแพลตฟอร์ม Uniswap ต่อด้วยมีกระแส GameFi ขึ้นมาซึ่งเราสามารถเล่นเกมไปพร้อมกับการสร้างรายได้ (play-to-earn)
และล่าสุดมีแพลตฟอร์มซื้อขาย NFTs อย่าง OpenSea เกิดขึ้นมา ดูเหมือนว่า DApps ต่าง ๆ ก็ได้ผ่านการพิสูจน์ด้วยเวลาและจำนวนผู้ใช้งานว่าสามารถใช้งานได้จริงอย่างค่อนข้างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นการมีแพลตฟอร์ม DeFi, GameFi, Metaverse ที่มีคุณภาพเกิดขึ้นมากมายใน ecosystem
เป็นการดึงดูดให้คนเข้าไปใช้งาน เมื่อคนเข้าไปใช้งานในบล็อกเชนก็จำเป็นต้องใช้เหรียญของบล็อกเชนในการทำธุรกรรม ใช้ในการปล่อยกู้หรือทำฟาร์มเพื่อรับดอกเบี้ย ใช้ซื้อ NFTs หรือใช้ซื้อของในเกม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ demand ของเหรียญเพิ่มสูงขึ้นซึ่งทำให้ราคาเหรียญเติบโตตามไปด้วยเช่นกัน
โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามกลยุทธ์การลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ LINE Official @merkle.capital และ
[email protected]