MAS ธนาคารกลางสิงคโปร์เตรียมขยายกฎควบคุมคริปโตฯ | Techsauce

MAS ธนาคารกลางสิงคโปร์เตรียมขยายกฎควบคุมคริปโตฯ

ในช่วงที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่จุดตกต่ำในช่วงที่ผ่านมาได้กระตุ้นให้สิงคโปร์และเขตอำนาจที่เกี่ยวข้องอย่างธนาคารกลางสิงคโปร์มีบทบาทสำคัญในการกำหนดการกำกับดูแล โดยวางแผนที่จะออกมาตการสำหรับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมคริปโตฯ เพื่อลดความเสี่ยงและเสริมความแข็งแกร่งให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ หลังจากเหตุการณ์ความล้มเหลวทางธุรกิจที่เขย่าวงการคริปโตฯ ในกรณี TerraForm Lab และ Three Arrows Capital โดย MAS วางแผนที่จะประกาศรายละเอียดในเดือนสิงหาคมและจะหารือเกี่ยวกับขั้นตอนนำเสนออย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนหรือตุลาคมนี้

หลังพิษธุรกิจคริปโตฯ เขย่าวงการ MAS ธนาคารกลางสิงคโปร์เตรียมขยายกฎควบคุมเข้มงวด

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา Ravi Menon กรรมการผู้จัดการ Monetary Authority of Singapore หรือ MAS องค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์หรือธนาคารกลางสิงคโปร์ ได้แถลงการณ์ หลังจากเผยแพร่รายงานประจำปีของธนาคารกลางว่าสิงคโปร์กำลังวางแผนที่จะขยายกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซีให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าถึงคริปโตฯ ของผู้ลงทุนรายย่อย โดย Menon กล่าวปฏิเสธว่าบริษัทที่อ้างการดำเนินการภายในประเทศสิงคโปร์ (Singapore-Based) อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสิงคโปร์ เพราะไม่มีใครได้รับใบอนุญาตภายใต้ระบบการออกใบอนุญาตสำหรับ Virtual-Assets Service Providers ซึ่งสิงคโปร์ใช้กระบวนการที่เข้มงวดในการตรวจสอบคำขอใบอนุญาตดังกล่าว โดยอนุมัติเพียง 14 จากเกือบ 200 บริษัทที่ขอใบอนุญาตจนถึงขณะนี้

ในการแถลงได้กล่าวถึง TerraForm Labs และ Luna Foundation Guard ผู้สร้างและกองทุนที่คอยสนับสนุนระบบนิเวศ TerraUSD ที่ได้อ้างว่าสิงคโปร์เป็นฐานในการดำเนินการ รวมถึงกองทุนคริปโตฯที่มีชื่อเสียงอย่าง 3AC หรือ Three Arrows Capital ที่พึ่งได้จดทะเบียนสำเร็จเมื่อต้นปีนี้ โดยที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่กับ Voyager Digital นอกจากนี้ Vauld ผู้ให้กู้คริปโตฯ อีกหนึ่งรายที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์เช่นเดียวกัน ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎดังกล่าว อีกทั้งกองทุนดังกล่าวไม่ได้รับการควบคุมภายใต้พระราชบัญญัติบริการการชำระเงินของประเทศด้วยซ้ำ 

การล่มสลายของตลาดในปีนี้ได้เผยให้เห็นถึง ช่องว่างของกฎระเบียบควบคุมคริปโตฯ เงินหลายพันล้านดอลลาร์ค้างอยู่ที่ผู้ให้กู้สินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังประกาศล้มละลาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจากเหตุการณ์ Stablecoin TerraUSD พังทลาย ความล้มเหลวของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่มีความเสี่ยง ตลอดจนความเชื่อมโยงของนักลงทุนและนักเทรดชั้นนำที่เกี่ยวเนื่องไปยังหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ประมวลเหตุการณ์วิกฤตศรัทธาวงการคริปโต จาก Luna - Celsius - กองทุน 3AC

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกับหน่วยงานกำหนดมาตรฐานสากลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทบทวนถึงการเสริมสร้างกฎระเบียบในพื้นที่เหล่านี้ และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าธนาคารจะหารือเกี่ยวกับมาตรการที่นำเสนอและจะจัดการประชุมเพื่อให้ความชัดเจนเกี่ยวกับสถานะของกฎระเบียบเพิ่มเติม”

MAS ระบุว่า ความพยายามดังกล่าวต้องอาศัยการประสานงานจากทั่วโลกมากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลคริปโตส่วนใหญ่ในปัจจุบันควรให้ความสำคัญกับการฟอกเงินและความเสี่ยงด้านการจัดหาเงินทุนของผู้ที่ไม่หวังดีมากขึ้น เนื่องจากกฎระเบียบดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงการคุ้มครองผู้บริโภค การดำเนินการทางการตลาด หรือการสนับสนุนเงินสำรองสำหรับ Stablecoin สุดท้าย Menon กล่าวว่าจะดำเนินการ "บังคับใช้กฎระเบียบอย่างเข้มงวด" หากจับได้ว่าบริษัทใดให้บริการโดยไม่มีใบอนุญาตในการควบคุมจะถูกดำเนินการตามกฎ


ที่มา

'Singapore-based' Crypto Firms Leading Market Meltdown Were Not Regulated, Central Bank Chief Says

Singapore Plans to Broaden Crypto Regulations After Shakeout

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...