ที่ผ่านมาเรามักจะเห็น TikTok ถูกแบนจากหลาย ๆ ประเทศ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ และการป้องกันข้อมูลรั่วไหลไปสู่จีน แต่ล่าสุดรัฐบาลเนปาลเลือกแบน TikTok โดยให้เหตุผลว่า จะส่งผลเสียต่อสังคมในประเทศ เช่น ความสามัคคี และครอบครัว

TikTok ส่งผลเสียต่อปัญหาสังคมในเนปาลอย่างไร ?

Rekha Sharma รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศของเนปาล กล่าวว่า “คอนเทนต์บน TikTok มีเนื้อหาที่เป็นอันตราย ซึ่งสร้างปัญหาให้กับสังคมของเนปาล รวมถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว”

แม้ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นคอนเทนต์ประเภทใด แต่รายงานจากสื่อท้องถิ่นพบว่า ในเนปาลเกิดคดีอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับ TikTok มากกว่า 1,600 คดี ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้รายงานจาก BBC Media Action พบว่า แอปจีนตัวนี้มีผู้ใช้มากเป็นอันดับที่ 3 ของเนปาล และผู้ใช้กว่า 80% มีอายุเพียงแค่ 16 - 24 ปีเท่านั้น

นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลเนปาลพยายามป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงคอนเทนต์ที่มีแนวโน้มจะส่งผลเสียต่อสังคม ซึ่งการแบนในครั้งนี้มีผลบังคับใช้ทันที และตอนนี้รัฐบาลเนปาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหาทางเทคนิค เพื่อระงับการใช้งานแอปพลิเคชันนี้อยู่

TikTok อันตรายจริง หรือรัฐบาลแค่พยายามจำกัดเสรีภาพในการแสดงความเห็น ?

หนึ่งในประเด็นที่เป็นที่พูดถึงว่า เหตุผลที่แท้จริงของการแบน TikTok นั้นมาจากความพยายามของรัฐบาล ที่ต้องการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐบาลเนปาลมีการวางกฎเกณฑ์ใหม่ที่เข้มงวดขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ดังนี้

• บริษัทโซเชียลมีเดีย: บริษัทโซเชียลมีเดียที่จะเข้ามาที่เนปาลจำเป็นต้องลงทะเบียนกับรัฐบาล เปิดสำนักงาน และเสียภาษีในเนปาล
• ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย: มีการออกกฎที่เรียกว่า ‘สิ่งที่ไม่ควรทำ 19 ประการ’ เช่น ห้ามแชร์โพสต์ที่มีคำพูดที่แสดงถึงความเกลียดชัง เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือโพสต์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย

มาตรการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามครั้งใหญ่ของรัฐบาลในการควบคุมและติดตามโซเชียลมีเดียในเนปาล ส่งผลให้นักข่าวและนักเคลื่อนไหวบางคนในประเทศออกมาแสดงความเห็นว่า รัฐบาลดูพยายามจะจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน

สุดท้ายแล้วทาง Tiktok ก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นการแบนของเนปาล ซึ่งส่วนส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะแอปพลิเคชันจีนตัวนี้มีผู้ใช้มากมายทั่วโลก การแบนของเนปาลจึงไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก 

อ้างอิง: businessinsider, cnn, bbc