มีเสียงวิจารณ์เกิดขึ้นในกลุ่มลูกค้า Netflix หลังจากมีผู้พบว่าบัญชีถูกล็อคและได้รับแจ้งเตือนให้สร้างบัญชีแยกของตัวเอง ทั้งนี้คาดว่า Netflix กำลังทดลองหาวิธีป้องกันไม่ให้ลูกค้าแชร์ค่าสมาชิกกันแบบผิดกฎเพื่ออุดช่องโหว่ที่ทำให้บริษัทขาดรายได้มานาน
ก่อนหน้านี้ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อต้นปี เพราะ Netflix ได้เพิ่มราคาทุกโปรโมชั่นการรับชม ล่าสุด Netflix ยังมีแผนทดลองยุติการแชร์รหัสผ่านของผู้ใช้ที่ไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกัน โดยจะมีการแจ้งเตือนให้สร้างบัญชีแยกกัน คนที่จะได้รับคำเตือนนี้จะเป็นผู้ที่ใช้บัญชี Standard และบัญชี Premium ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ใช้งานบัญชีนี้จะนิยมใช้ระบบหาร 4 แล้วสร้าง Profile ของแต่ละคนขึ้นมาโดยที่แต่ละคนอาจจะอยู่คนละที่ ซึ่งขัดแย้งกับกฎที่มีอยู่เดิมของ Netflix ว่า “บริการของ Netflix ที่รับชมนั้นมีไว้เพื่อการใช้งานส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่ใช่เชิงพาณิชย์และไม่สามารถแบ่งปันกับบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในครัวเรือนของคุณ” เพียงแต่บริษัทไม่เคยบังคับใช้อย่างจริงจังมาก่อน
สำหรับท่าทีของ Netflix ต่อเรื่องนี้ โฆษกของบริษัทแจ้งว่า ได้ทดลองการยืนยันบัญชีแบบนี้ตลอดอยู่แล้ว ซึ่งที่จริงจะเป็นประโยชน์ด้วยเพราะจะช่วยป้องกัน Hacker ได้ ส่วนการทดลองเก็บเงินนี้จะเริ่มทดลองใน 3 ประเทศก่อน คือ ชิลี คอสตาริกา และเปรู โดยสามารถเพิ่มคนที่ไม่ได้อยู่ในครัวเรือนเดียวกันสูงสุดได้ 2 คน มีค่าบริการต่อสมาชิกที่เพิ่ม คือ 2,380 เปโซในชิลี, 2.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในคอสตาริกา และ 7.9 เปรูเวียนซอลในเปรู โดยทางบริษัทมีแนวโน้มว่าจะมีแผนบังคับใช้กฎนี้ในประเทศอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ Netflix มีผู้ใช้บริการกว่า 200 ล้านบัญชีในปัจจุบัน ซึ่งถึงแม้ว่าบริษัทจะได้กำไรมากในช่วงล็อกดาวน์เมื่อปี 2020-2021 แต่ล่าสุดกำไรที่ได้มานั้นได้กลับสู่จุดขาดทุนแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงอาจเป็นที่มาของการเข้มงวดกับการควบคุมบัญชีผู้ใช้ในครั้งนี้
อ้างอิงจาก TheVerge, TechCrunch
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด