Ninja Van เปิดตัวคลังสินค้าใหม่ พื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. รับกระแส E-Commerce โตเร็ว | Techsauce

Ninja Van เปิดตัวคลังสินค้าใหม่ พื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. รับกระแส E-Commerce โตเร็ว

Ninja Van ประเทศไทย ผู้นำด้านบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัวคลังสินค้าใหม่ ย่านบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ โดยเป็นคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดของนินจาแวน ประเทศไทย ด้วยพื้นที่ใช้สอยกว่า 20,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนงานของบริษัทเพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ

Ninja Van ประเทศไทย ผู้นำด้านบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัวคลังสินค้าใหม่ ย่านบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ โดยเป็นคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดของนินจาแวน ประเทศไทย ด้วยพื้นที่ใช้สอยกว่า 20,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนงานของบริษัทเพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ

มร. เพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 จำนวนผู้ซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 8 ใน 10 คนทำการซื้อสินค้าทางออนไลน์อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ในขณะที่ประเทศไทยมีจำนวนถึง 9 ใน 10 คน การระบาดใหญ่ในปี 2563 ถึงปี 2564 ได้เร่งการเติบโตของการใช้จ่ายโดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงถึง 68% และคาดว่าจะดำเนินต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 ไปจนถึงปี 2568 แม้ว่าจะเป็นการเติบโตแบบชะลอตัวก็ตาม ผนวกกับการเปิดพรมแดนและอัตราเงินเฟ้อ ที่นำไปสู่การคาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งอาจมีผลให้ตัวเลขการเติบโตช้าลงไปบ้าง 

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคาดการณ์การใช้จ่ายออนไลน์ของ 3 กลุ่มธุรกิจ คือ Transport & Food, Online Media, Online Travel มียอดการใช้จ่ายสูงสุดรวมกันยังต่ำกว่าการใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตลาดอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จึงจำเป็นต้องขยายขนาดให้รองรับการเติบโต มองการณ์ไกลและวางแผนล่วงหน้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ 

นินจาแวน ประเทศไทย จึงสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการให้บริการ เราเริ่มวางแผนสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่เมื่อเดือนมิถุนายน 2020 ตามการคาดการณ์เพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณพัสดุ รวมถึงติดตั้งสายพานกึ่งอัตโนมัติเพื่อช่วยในการคัดแยกพัสดุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการเพิ่มขีดความสามารถในการจัดส่งพัสดุด่วนของเรา”

คลังสินค้าแห่งใหม่นี้สามารถรองรับปริมาณพัสดุได้มากกว่า 800,000 ชิ้นต่อวัน ออกแบบมาในรูปทรง I-shape ซึ่งเป็นการลำเลียงพัสดุแบบเส้นตรง เพิ่มความสามารถในคัดแยกพัสดุได้มากกว่าคลังสินค้าเดิมถึง 40% พร้อมด้วยสายพานลำเลียงกึ่งอัตโนมัติที่มีความยาว 4 กิโลเมตร กับท่าโหลดพัสดุมากกว่า 400 ท่า ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกพัสดุได้มากขึ้นถึง 200% และสามารถช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งพัสดุได้เร็วขึ้นถึงสี่ชั่วโมง 

เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของ นินจาแวน ประเทศไทย ในการมอบประสบการณ์การจัดส่งพัสดุที่ไม่ยุ่งยากให้กับผู้ใช้บริการ บริษัทได้เพิ่มช่องทางการจัดส่งผ่านแอปพลิเคชันมือถือที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ – Mobile Biz นอกจากนี้บริษัทฯยังเปิดแฟรนไชส์ Ninja Points และร่วมมือกับ SABUY Group เปิดหน้าร้านให้มีจำนวนครอบคลุมพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าใช้บริการของนินจาแวนได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากการจัดส่งพัสดุที่ปลอดภัยและรวดเร็วแล้ว นินจาแวน ประเทศไทยยังมีเป้าหมายที่จะยก ระดับโซลูชั่นด้านโลจิสติกส์ให้กับผู้ส่งสินค้าผ่านโปรแกรมสะสมคะแนน Ninja Rewards ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ การสะสมคะแนน Ninja Rewards มอบสิทธิ์ให้ผู้ส่งพัสดุสามารถนำคะแนนสะสมมาแลกเป็นของรางวัล ส่วนลด หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ จากโปรแกรมได้ เช่น ส่วนลดค่าจัดส่ง เงินคืน หรืออุปกรณ์ในการจัดส่งพัสดุ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...