O2O หรือ online-to-offline เป็นเทรนด์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์ที่ได้รับความสนใจมานาน ล่าสุดเทรนด์นี้กำลังจะร้อนแรงขึ้นอีกเพราะสตาร์ทอัปอีคอมเมิร์ซญี่ปุ่นนามว่า Origami ประกาศเพิ่มทุนรอบ 2 มูลค่า 13 ล้านเหรียญสหรัฐฯจากโอเปอเรเตอร์อย่าง SoftBank และบริษัทให้บริการชำระเงินอย่าง Credit Saison เพื่อยกระดับประสบการณ์การช็อปปิง O2O ผ่านสมาร์ทโฟนอย่างจริงจัง
Origami ประกาศเพิ่มทุนหุ้นกลุ่ม series B มูลค่า 1.6 พันล้านเยนหรือประมาณ 13.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา โดยเป็นการเพิ่มทุนที่นำโดย SoftBank Group, Credit Saison และนักลงทุนอิสระ Makoto Takano การลงทุนครั้งนี้จะทำให้ Origami สามารถทำงานร่วมกับหน่วยธุรกิจบริการเสริมบนมือถือของ SoftBank Group ขณะเดียวกันก็สามารถให้บริการชำระเงินผ่าน Credit Saison ได้สะดวกกว่าเดิม
Origami เปิดตัวแอปพลิเคชันสำหรับอุปกรณ์พกพาของตัวเองเมื่อ 2 ปีที่แล้ว (เมษายน 2013) ตัวแอปเปิดให้ผู้ใช้สามารถติดตามหรือ follow ร้านค้าที่สนใจ โดยจะได้รับแจ้งเตือนข้อมูลสินค้าใหม่ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถคลิกซื้อได้เลยทั้งบนแอพพลิเคชันหรือที่ร้านค้า ความสามารถนี้ทำให้ Origami ได้รับความนิยมจนปัจจุบันร้านค้ามากกว่า 800 แบรนด์ตัดสินใจจำหน่ายสินค้าบน Origami
แม้ตัวเลข 800 แบรนด์จะฟังดูน้อยเมื่อเทียบกับเวลา 2 ปี แต่ Origami ถือว่าตัวเลขนี้เป็นจุดแข็งเพราะ Origami เน้นเลือกร้านค้ากลุ่ม high-end และร้านบูติกเฉพาะกลุ่มซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและหาซื้อสินค้าได้ยาก
การร่วมมือกับ SoftBank Group จะทำให้ Origami ทำงานโดยตรงกับบริษัทในเครืออย่าง SoftBank Mobile and Generate เพิ่มส่งเสริมการทำการตลาด digital marketing และการปูทางเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ O2O shopping ที่สะดวกสบาย
นอกจากนี้ การจับมือกับ Credit Saison ยังไม่เพียงทำให้ Origami สามารถให้บริการรับชำระเงินรูปแบบใหม่ที่สะดวกกว่าเดิม แต่ยังช่วยให้ Origami เข้าถึงร้านค้าแบรนด์ใหม่ได้ดีขึ้น โดย Credit Saison มีดีกรีเป็นผู้ให้บริการเครดิตการ์ด 2 แบรนด์ใหญ่ในญี่ปุ่น นั่นคือ Saison Card และ UC Card ซึ่งมีฐานผู้ใช้มากกว่า 35 ล้านคน (ราว 11 ล้านคนมีการลงทะเบียนผู้ใช้บัตรเครดิตผ่านระบบออนไลน์)
ก่อนหน้านี้ Origami ประกาศเพิ่มทุนในหุ้น series A กับโอเปอเรเตอร์อย่าง KDDI และผู้ให้บริการการตลาด Digital Advertising Consortium (DAC) ในช่วงปี 2013
ที่มา : Tech in Asia
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด