ศูนย์วิจัย Pew Research Center ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันจำนวน 8,638 คนเกี่ยวกับตัวเลือกด้านพลังงานระดับชาติ ท้องถิ่น และส่วนบุคคล ซึ่งพบว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ต้องการพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น แต่การสนับสนุนลดลง ซึ่งความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้าก็ลดลงเช่นกันเดียวกัน

โดย 63% ของคนอเมริกันต้องการให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศ Carbon Neutral ภายในปี 2050 ขณะเดียวกัน 1 ใน 4 ของคนอเมริกันคิดว่าการกำหนด Carbon Footprint ของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน แต่กลับกันการสนับสนุนโซลาร์ฟาร์มกับฟาร์มกังหันลมกลับลดลง ( 12% และ 11% ตามลำดับ ตั้งแต่ปี 2020) 

แม้ว่า Energy Information Administration จะคาดการณ์ว่า การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐอเมริกาจะเติบโตถึง 3% ในปี 2024  และมีแนวโน้มจะแซงหน้าพลังงานไฟฟ้าจากน้ำเป็นครั้งแรก  แต่ดูเหมือนว่าความสนใจของผู้บริโภคชาวอเมริกันต่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะลดลง

ผลสำรวจล่าสุดพบว่า มีเพียง 29% ของชาวอเมริกันที่สนใจจะซื้อรถ EV ซึ่งลดลง 8% เมื่อเทียบกับปี 2023 ผลสำรวจครั้งนี้สอดคล้องกับข้อมูลจาก McKinsey เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อรถ ของผู้บริโภคในปี 2024 ที่พบว่า เจ้าของรถ EV ในสหรัฐอเมริกา 46% และ เจ้าของรถ EV ทั่วโลก 29%  วางแผนที่จะกลับมาใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันแทนเมื่อซื้อรถคันต่อไป

McKiney ยังมีการเปิดเผยผลสำรวจทั่วโลกเกี่ยวกับรถพฤติกรรมการซื้อรถยนต์ที่น่าสนใจดังนี้

• 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ไม่มีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อยู่แล้ว กำลังพิจารณาที่จะซื้อ BEV หรือ PHEV เป็นรถคันต่อไป
• 21% ของผู้ซื้อรถยนต์พิจารณาฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถคันต่อไป
• 27% ของผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าชาวยุโรปเปิดรับการพิจารณาซื้อรถยนต์แบรนด์จีนสำหรับการซื้อครั้งต่อไป

ทำไมคนอเมริกันถึงอยากได้ EV น้อยลง?

สาเหตุที่คนอเมริกันอยากได้ EV น้อยลง ตามรายงานของเว็บไซต์ The Hill ระบุว่า อาจเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่ตอบโจทย์ ยกตัวอย่างเช่น ความยุ่งยากของการชาร์จรถ EV ที่ต้องคอยตามหาที่ชาร์จแบตและต้องมารอคอยแบตเตอรี่เต็ม รวมไปถึงการชาร์จรถในหน้าหนาวที่ต้องรอนานกว่าปกติ ส่วนสาเหตุอื่นๆ มีทั้งประโยชน์ของรถ EV ต่อสิ่งแวดล้อมถูกกล่าวเกินจริง และรถ EV มีค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ อีกมากมาย เป็นต้น

อ้างอิง: CNET, THE HILL