การใช้ AI ในการศึกษากำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงอย่างร้อนแรงในแวดวงการศึกษา ล่าสุดเกิดกรณีที่ Ella Stapleton นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น ยื่นเรื่องร้องเรียนขอคืนค่าเล่าเรียน หลังพบว่าอาจารย์ใช้ ChatGPT สร้างเนื้อหาการสอน
เหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นเมื่อ Stapleton ซึ่งเรียนวิชาพฤติกรรมองค์การ (Organizational Behavior) สังเกตเห็นความผิดปกติในเอกสารการสอน เช่น ข้อความที่ดูเหมือนเป็นคำสั่งที่ป้อนให้ AI อย่าง “expand on all areas. Be more detailed and specific.” รวมถึงสไลด์ประกอบที่มีภาพคนผิดรูป เช่น มีแขนขาเกินมา หรือมีข้อความสะกดผิด
สิ่งที่ทำให้เธอไม่พอใจอย่างยิ่งคือ ใน Course Syllabus อาจารย์ Rick Arrowood ระบุชัดว่า “ห้ามนักศึกษาใช้ AI” แต่อาจารย์ใช้ ChatGPT เอง เธอจึงยื่นร้องเรียนต่อคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัย พร้อมเรียกร้องขอคืนค่าเรียนรายวิชานี้เป็นเงินกว่า 8,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 260,000 บาท แต่คำร้องถูกปฏิเสธหนึ่งวันหลังจากเธอสำเร็จการศึกษา
Rick Arrowood ซึ่งเป็นอาจารย์พิเศษที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่าเขาใช้ ChatGPT เพื่อปรับแต่งเอกสาร ไม่ได้มีเจตนาไม่เหมาะสม และภายหลังจากเหตุการณ์นี้ เขาจะใช้ AI อย่างระมัดระวังมากขึ้น พร้อมแจ้งให้นักศึกษาทราบหากมีการใช้งานในอนาคต
กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มการใช้ AI ในวงการการศึกษากำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยผลสำรวจของ Tyton Partners พบว่า:
ในขณะที่ฝั่งนักศึกษาเองก็ใช้ AI อย่างแพร่หลายเช่นกันรายงานของ OpenAI ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เผยว่า:
เพื่อรับมือกับกระแสการใช้ AI ที่เพิ่มขึ้น มหาวิทยาลัยหลายแห่งได้ออกแนวปฏิบัติ:
นอกจากนี้ยังมีการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อตรวจสอบงานเขียนที่อาจมาจาก AI แต่ New York Magazine รายงานว่านักศึกษาบางคนพยายามเลี่ยงระบบตรวจจับเหล่านี้ด้วยการ เจตนาใส่คำผิดลงในงานเขียนที่สร้างโดย ChatGPT
แม้ AI จะช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น แต่ผลวิจัยจาก Microsoft และมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ระบุว่า ผู้ที่ใช้ AI และเชื่อมั่นในความสามารถของมันมากเกินไป มีแนวโน้มที่จะใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์น้อยลง
นักวิจัยเตือนว่า “การใช้เทคโนโลยีผิดวิธี อาจทำให้ทักษะการคิดของมนุษย์เสื่อมถอย”
อ้างอิง: Entrepreneur
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด