จากความคืบหน้าล่าสุด ด้วยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ลงนามความร่วมมือกับ ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn Group) ผู้นำการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก สัญชาติไต้หวัน เพื่อดำเนินการจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ในประเทศไทย
โดยความร่วมมือนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปี 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง PTT ก็ได้มีการอนุมัติให้ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTT ถือหุ้น 100% ลงนามสัญญาร่วมทุนและจัดต้ังบริษัทร่วมทุนกับบริษัท ลี่ยี่ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสเมนท์ จำกัด (Lin Yin) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด (Foxconn) ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3,220 ล้านบาท
ภายใต้บริษัท JV ชื่อ บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (Horizon Plus) แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2565 โดย Arun Plus ถือหุ้น 60% และ Lin Yin ถือหุ้น 40% โดยคาดว่าในขั้นต้นจะร่วมลงทุน 1-2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจะขยายการลงทุนในอนาคตต่อไป
โดยโรงงาน JV แห่งนี้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 โดยมีแผนจัดตั้งโรงงานในพื้นที่ EEC พร้อมวางแผนเดินเครื่องการผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 ภายใต้กำลังการผลิตรถ 50,000 คันต่อปี
รวมทั้งได้มีการตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 150,000 คันต่อปี ภายในปี 2030 อีกทั้งในอนาคตตั้งเป้าที่จะขยายการลงทุนหรือเพิ่มกำลังการผลิตหากมีดีมานด์เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตั้งเป้าให้รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วน 30% ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศภายในปี 2030 แต่กระนั้นบริษัทญี่ปุ่นซึ่งรับผิดชอบการผลิตรถยนต์ของไทยประมาณ 90% ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ,ยุโรปและจีน มากกว่า ดังนั้นรัฐบาลไทย จึงต้องการที่จะสนับสนุนให้ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนในท้องถิ่นให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นผ่านการร่วมทุนของ PTT ในครั้งนี้
และเพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย PTT ยังได้เริ่มให้บริการรถเช่าด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังผลักดันการติดตั้งสถานีชาร์จที่ปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ
ในขณะเดียวกันในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา Foxconn ก็ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่พัฒนาขึ้นเองภายในบริษัท โดยตั้งเป้าที่จะเริ่มการผลิตรถยนต์จำนวนมากในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากประเทศไทยด้วย
ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการผสานความเชี่ยวชาญของ Foxconn ที่เป็นผู้นำการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก และความสามารถด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงาน ของ PTT ทั้งเครือข่ายพันธมิตร กลุ่มบริษัทในเครือและผู้ร่วมทุนปัจจุบัน ในการพัฒนาแพลตฟอร์มการผลิต และเสริมศักยภาพระบบนิเวศ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตลอดอีโคซิสเต็มยานยนต์ไฟฟ้า
ทั้งหมดนี้เห็นได้ชัดว่า Foxconn ได้ให้ความสนใจทางด้านรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก อย่างที่ผ่านมาได้มีการประกาศการลงทุนด้านรถยนต์ไฟฟ้าและผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับอินโดนีเซียไปเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อเป็นการผลักดันประเทศให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในระบบห่วงโซ่อุปทานตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก
และด้วยจุดนี้เองก็ได้แสดงให้เห็นถึงการมองการณ์ไกลของ Foxconn ต่อโอกาสการเติบโตของธุรกิจ EV อย่างชัดเจน รวมถึงการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน
อ้างอิง NIKKEI
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด