ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้อนุญาตให้บริษัทและกลุ่มบริษัทที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด (Qualified Company) สามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับธนาคารพาณิชย์ได้ โดยไม่ต้องแสดงเอกสารประกอบการทำธุรกรรมหลายรายการ เช่น ใบกำกับสินค้า สัญญาเงินกู้ หรือหลักฐานแสดงภาระอื่น ๆ แต่บริษัทดังกล่าวต้องมีนโยบายการกำกับดูแล และการตรวจสอบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่รัดกุมจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
พร้อมได้ให้ความเห็นชอบให้บริษัท 5 ราย เป็น Qualified Company และให้มีศูนย์บริหารเงิน (Treasury Center) 1 ราย ขยายขอบเขตการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศให้ครอบคลุมสิทธิที่ Qualified Company ได้ด้วย ซึ่งจะสามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศได้กว้างกว่าขอบเขตที่ Treasury Center ได้รับในปัจจุบัน
และเตรียมปฏิรูปกฎเกณฑ์ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ให้กลุ่ม SME และบุคคลรายย่อย สามารถบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้น
ย้อนกลับไปในกลางปี 2560 ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. (แบงก์ชาติ) ได้เริ่มโครงการการปฏิรูปและผ่อนคลายกฎเกณฑ์การควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (FX Regulations Reform) ตั้งแต่ โดยเริ่มจากเพิ่มทางเลือกซื้อขายและโอนเงินรายย่อย เพิ่มทางเลือกในการลงทุนต่างประเทศให้แก่นักลงทุนไทย ปรับลดเอกสารการโอนเงินออกนอกประเทศ ยกเลิกการกรอกแบบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ และเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถยื่นเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการเตรียมเอกสาร ลดต้นทุน และลดระยะเวลาในการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนให้การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของภาคเอกชนสะดวกรวดเร็วมากขึ้น (Ease of doing business)
ล่าสุด ธปท. เผยการปฏิรูปที่สำคัญอีกด้าน ซึ่งระบุในแถลงการณ์ว่า "ถือเป็นมิติใหม่ของการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ" คือ การอนุญาตให้บริษัทและกลุ่มบริษัทที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด (Qualified Company) สามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับธนาคารพาณิชย์ได้ โดยไม่ต้องแสดงเอกสารประกอบการทำธุรกรรมหลายรายการ เช่น ใบกำกับสินค้า สัญญาเงินกู้ หรือหลักฐานแสดงภาระอื่น ๆ ซึ่ง Qualified Company จะต้องมีนโยบายการกำกับดูแล และการตรวจสอบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่รัดกุมจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
"ธปท. จะติดตามพฤติกรรมการทำธุรกรรมของ Qualified Company ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) แทนการพิจารณารายรายการ" แถลงการณ์จาก ธปท. ระบุ
สำหรับรายละเอียดการผ่อนคลายเกณฑ์คุณสมบัติของบริษัทและกลุ่มบริษัทที่สามารถยื่นขอความเห็นชอบเป็น Qualified Company ต่อ ธปท. มีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา ธปท. ได้ให้ความเห็นชอบให้บริษัท 5 ราย เป็น Qualified Company และให้มีศูนย์บริหารเงิน (Treasury Center) 1 ราย ขยายขอบเขตการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศให้ครอบคลุมสิทธิที่ Qualified Company ได้ด้วย ซึ่งจะสามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศได้กว้างกว่าขอบเขตที่ Treasury Center ได้รับในปัจจุบัน
ธปท. ระบุในแถลงการณ์ว่าคำสั่งเห็นชอบข้างต้น "ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นมิติใหม่ของการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของภาคเอกชนไทย" อีกด้วย
โดยทางนางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. ได้เปิดเผยรายชื่อบริษัทที่ได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. ภายใต้โครงการ Qualified Company เป็นกลุ่มแรก จำนวน 5 บริษัท และศูนย์บริหารเงิน 1 ราย ได้แก่
โดยทาง ธปท. กล่าวว่าจะกำกับดูแล Qualified Company โดยการวิเคราะห์ความสอดคล้องของการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับแผนธุรกิจและนโยบายบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของ Qualified Company
หากพบความไม่สอดคล้อง ธปท. จะมีการหารือกับบริษัท และพิจารณาทบทวนการให้ความเห็นชอบเป็น Qualified Company แก่บริษัทนั้น ๆ ตามความเหมาะสม
นอกจากนี้ ธปท. ยังระบุเชิญชวนในแถลงการณ์ว่า "บริษัทหรือกลุ่มบริษัทที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสอบถามรายละเอียดและขั้นตอนการสมัครได้จากธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร ซึ่งจะเป็นผู้ดำเนินการยื่นขอความเห็นชอบจาก ธปท. ต่อไป"
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับครึ่งหลังของปี 2561 ธปท. ระบุว่าการปฏิรูปกฎเกณฑ์ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (FX) จะเข้าสู่ระยะที่ 2 ซึ่งจะมุ่งเน้นที่กลุ่ม SME และบุคคลรายย่อย ให้สามารถบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้น เช่น
ซึ่ง ธปท. จะได้นาเสนอแผนการผ่อนคลายเหล่านี้ต่อกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาต่อไป
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด