การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจคอมเมิร์ซของ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป ภายในช่วงเวลา 3-4 ปีมานี้ พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จจากการทรานฟอร์มจากธุรกิจสื่อและบันเทิงมาเป็นธุรกิจคอมเมิร์ซ ที่มีโมเดลธุรกิจ Entertainmerce อันโดดเด่นและแข่งแกร่งเป็นตัวขับเคลื่อน โดยหนึ่งในปัจจัยที่จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจคอมเมิร์ซได้อย่างยั่งยืน คือการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค รวมไปถึงการออกสินค้าประเภทใหม่ๆ สู่ตลาดทุกช่องทาง โดยล่าสุด อาร์เอส กรุ๊ป ลุยตลาดแมส เปิดตัว 2 แบรนด์น้องใหม่ “well u” (เวล ยู) และ “CAMU C” (คามู ซี) นำร่องด้วย 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนไดเปปไทด์ และไตรเปปไทด์ ชงดื่ม ตรา เวล ยู และ น้ำเลมอน 6% จากน้ำเลมอนเข้มข้ม ผสมคามู คามู วิตามินซี และวิตามินบี 12 สูตรน้ำตาลน้อยกว่า ตรา คามู ซี พร้อมเปิดตัวไลน์อัพผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชง-กัญชากว่า 8 SKU ที่จะเป็นตัวผลักดันให้รายได้ธุรกิจคอมเมิร์ซปี 2564 เติบโตแบบก้าวกระโดด
คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “กลยุทธ์สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัทฯ ในปีนี้คือ การออกสินค้าประเภทใหม่ๆ ของ ไลฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออาร์เอส กรุ๊ป โดยเป็นกลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์เรื่องการดูแลสุขภาพในทุกมิติ และนำเสนอสู่ตลาดครอบคลุมทุกช่องทาง ไม่ได้ขายเพียงช่องทาง อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) ช่องทางเดียว โดยการเปิดตัวครั้งนี้เป็นการเพิ่มประเภทสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ Mass Market อย่างเต็มตัว เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพและเทรนด์การใช้ชีวิตแบบใหม่ ซึ่งได้แก่
1. สินค้าแบรนด์ “well u” (เวลยู) แบรนด์นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความงาม ที่เฟ้นหาสารสกัดธรรมชาติอันทรงคุณค่า มาพัฒนากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศ โดยจำหน่ายผ่าน Exclusive Distribution Network (EDN) หรือตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวแรกออกสู่ตลาดคือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนไดเปปไทด์ และไตรเปปไทด์ ชงดื่ม ตรา เวล ยู ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ ลุยตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนระดับพรีเมียม
2. รุกตลาดเครื่องดื่ม Functional Drink ซึ่งถือเป็นเซ็กเมนต์ที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยในปี 2563 มีมูลค่าตลาดสูงเกือบ 10,000 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตกว่า 10% ในปีที่ผ่าน โดยบริษัทฯ เน้นจุดขายด้านสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มเทรนด์ตลาดและความสนใจของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพในปัจจุบัน ภายใต้แบรนด์ “CAMU C” (คามู ซี) เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมคามู คามู วิตามินซีสูง 200% และวิตามินบี 12 สูง
3. ด้วยมูลค่าตลาดกัญชง-กัญชาที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นทั่วโลก รวมไปถึงการปลดล็อคกัญชง-กัญชาในประเทศไทยให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด ทำให้หลายๆ ธุรกิจหันมาสนใจ โดย อาร์เอส มีความสนใจและศึกษาการทำธุรกิจกัญชง-กัญชาอย่างจริงจัง จึงเป็นโอกาสที่ดีในการวางแผนจำหน่ายสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชง-กัญชา ทั้งในกลุ่ม Food Supplement และเครื่องดื่ม
ดร.ชาคริต พิชญางกูร หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจไลฟ์สตาร์ ในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า “ในฐานะผู้ผลิตนวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามระดับโลก ไลฟ์สตาร์พร้อมแล้วที่จะนำเสนอสินค้าใหม่ผ่าน Mass Market 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
1. well u คอลลาเจน คอลลาเจนระดับพรีเมียมที่มีประสิทธิภาพและนวัตกรรมที่เหนือกว่าด้วยส่วนประกอบที่สำคัญถึง 6 ชนิด ได้แก่ 1. คอลลาเจนไดเปปไทด์ 2. คอลลาเจนไตรเปปไทด์ 3. วิตามินซี 4. สารสกัดข้าว 5. สารสกัดเห็ดหูหนูขาว และ 6. ไบโอทิน ซึ่งช่วยดูแลครบตั้งแต่ผม ผิวพรรณ เล็บ กระดูกและข้อ เพื่อให้สุขภาพดีจากภายใน พร้อมดึง 3 นักแสดงเป็นพรีเซนเตอร์พร้อมกัน ได้แก่ เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชรแต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ และ แพท-ณปภา ตันตระกูล ซึ่งเป็นตัวแทนของพรีเมียมคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบสำคัญหลายอย่างเปรียบเสมือนดรีมทีมในการดูแลสุขภาพ เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายครบทุกช่องทางทั้งสื่อนอกบ้าน, สื่อออนแอร์ และสื่อออนไลน์ วางจำหน่ายทั่วประเทศ ผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือ Exclusive Distribution Network (EDN) หรือตัวแทนจำหน่าย, Exclusive Modern Trade ทีWatsons และออนไลน์ ภายใต้คอนเซปต์ “คอลลาเจน 1 เดียวที่เราเลือก เพื่อยู่ในทุกวัน”
2. “CAMU C” เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมคามู คามู วิตามินซีสูง 200% และวิตามินบี 12 สูง ด้วยส่วนประกอบหลักของ “คามู คามู” ราชันย์แห่งวิตามินซี ที่มีวิตามินซีสูงถึง 2,400-3,000 มิลลิกรัม ต่อเนื้อ ผลสด 100 กรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณวิตามินซีในส้มถึง 50 เท่า และมากกว่ามะนาว 100 เท่า ซึ่งวิตามินซี มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมด้วยวิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง โดยทุ่มงบการตลาดมากถึง 300 ล้านบาท ดึงซูเปอร์สตาร์สุดฮอต “คิมซูฮยอน” นักแสดงหนุ่มชาวเกาหลีใต้แถวหน้าของวงการ นั่งแท่นพรีเซนเตอร์ เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายครบทุกช่องทาง พร้อมวางจำหน่ายทั่วประเทศ ผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือ ร้านสะดวกซื้อ, โมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีก ภายใต้คอนเซปต์ “คุณใส่ใจตัวเองหรือยัง?”
ด้าน คุณพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ กล่าวว่า “ในส่วนของผลิตภัณฑ์จาก กัญชง- กัญชา ที่กำลังเป็นกระแสมาแรงและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากนั้น ที่ผ่านมาอาร์เอสได้เตรียมความพร้อม โดยร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำศึกษาและคิดค้นสูตรเพื่อนำกัญชง-กัญชา มาพัฒนาและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม รวมถึงมีการพูดคุยกับพันธมิตรที่เป็นผู้ปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ โรงสกัด และผู้ผลิตไว้เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าทางเราและพันธมิตร ได้มีการเตรียมการมานานและมีความพร้อมทั้งการผลิตและการจำหน่ายในทันที โดยตั้งเป้าออกสินค้าในปีนี้ ดังนี้
- แบรนด์ S.O.M. (เอสโอเอ็ม) จำนวน 4 SKU ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Food Supplement และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม จำหน่ายผ่านช่องทาง RS Mall
- แบรนด์ well u จำนวน 2 SKU ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Food Supplement และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม จำหน่ายผ่าน Exclusive Distribution Network (EDN) หรือตัวแทนจำหน่าย, ร้านสะดวกซื้อ, โมเดิร์นเทรด, ร้านค้าปลีก, ร้านขายยาทั่วไป และ RS Mall
- แบรนด์ CAMU C จำนวน 2 SKU ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม จำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อโมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ”
โดยบริษัทฯตั้งเป้ามีรายได้จากผลิตภัณฑ์ กัญชง- กัญชา ไว้ที่ 2,000 ล้นบาท ต่อปี ส่วนในปี 2564 สินค้าจะมีการเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง จึงคาดว่ารายได้จากผลิตภัณฑ์ กัญชง- กัญชา จะอยู่ที่ ประมาณ 600-700 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทคาดว่ารายได้รวมของ RS Group จะสามารถทำได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ที่ 5,700 ล้านบาท
“อาร์เอส กรุ๊ป มีความพร้อมและได้เจรจากับคู่ค้าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ผู้ปลูก โรงสกัด และผู้ผลิตสินค้าไว้เรียบร้อยแล้ว และได้กำหนดสินค้าสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมายไว้ชัดเจนและวางแผนการตลาดรองรับไว้พร้อมหมดแล้ว ขั้นตอนจากนี้คือรอประกาศจาก อย. ก็พร้อมดำเนินการตามที่วางแผนไว้ทันที โดยจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ S.O.M ในช่วงกลางปี 2564 จากนั้นจะเปิดตัวสินค้ากัญชง-กัญชาภายใต้ แบรนด์อื่นๆ ตามมาตลอดทั้งปี รวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 8 สินค้า และคาดว่าเฉพาะผลิตภัณฑ์จากกัญชง-กัญชาทั้งหมดของบริษัทฯ จะสร้างรายได้พิเศษเพิ่มมากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี” คุณสุรชัย กล่าว
ทั้งนี้หลังจากที่ RS Group ได้ปรับกลยุทธ์รุกตลาดคอมเมิร์ซมากขึ้น จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจคอมเมิร์ซ อยู่ที่ 70% และธุรกิจมีเดีย 30% ภายในสิ้นปี 2564
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด