SCG : The Next Chapter เป็นงานแถลงข่าวที่เอสซีจีออกมาเผยเรื่องการขยายธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นโซลูชันที่หลากหลายเพื่อรับมือโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากโควิดระบาด สงครามการค้า สงครามรัสเซีย - ยูเครน ที่กระทบ Supply Chain ทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนพลังงาน โดยมีผู้บริหารมานำเสนอโซลูชันต่างๆ ได้แก่
เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คุณรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เราเผชิญเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงและต้องปรับตัวให้ทัน เช่น การสวมหน้ากาก การปรับบ้านให้อยู่สบายขึ้นเพื่อ Work from Home การใช้จ่ายออนไลน์
ขณะที่ภาคธุรกิจประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนพลังงานสูง จึงนำดิจิทัลเทคโนโลยี พลังงานสะอาดมาใช้ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลสังคม สิ่งแวดล้อมให้ดีเพื่อส่งต่อทรัพยากรให้คนรุ่นถัดไป
ปัญหาของราคาพลังงานมีราคาสูงเชื่อมต่อกับเงินเฟ้อ เชื่อมกับ Supply Side และ Geopolitics ซึ่งจะยังไม่หายไปไหน แต่ก่อนเราทำเรื่อง 'การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า' ตอนนี้เรานำของเหลือจากการเกษตร มาทำเรื่อง 'ลดการปล่อยคาร์บอน' และพัฒนาการผลิตพลังงานจากโซลาร์ ลม ซึ่งนำมาใช้ในโรงงานแล้ว
"เอสซีจีจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมโซลูชันแห่งอนาคตให้ตรงกับความต้องการใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคได้ใช้ชีวิตอย่างประหยัด ปลอดภัย สะดวก รักษ์โลก ประกอบด้วย พลังงานสะอาดครบวงจร สุขภาพและการแพทย์ ดิจิทัลโลจิสติกส์ นวัตกรรมกรีน สมาร์ทลิฟวิ่ง และ หุ่นยนต์อัจฉริยะ ตอบสนองความต้องการของตลาดอาเซียนและโลกในอนาคต มั่นใจเป็นธุรกิจศักยภาพสูง สร้างความเติบโตและแข็งแกร่งให้เอสซีจี พร้อมเดินหน้าขยายโครงการลงทุนทั่วโลก ด้วยงบลงทุน 100,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี" คุณรุ่งโรจน์กล่าว
สำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัย SCG Solar Roof Solutions สำหรับโรงงาน และนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มอาคารขนาดใหญ่ กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรม และห้างสรรพสินค้า ด้วยโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจร ในรูปแบบ Smart Grid Smart Platform เครือข่ายอัจฉริยะจัดการซื้อ-ขายพลังงานสะอาดได้สะดวก และคุ้มค่า ปัจจุบันมีกำลังการผลิตกว่า 195 เมกะวัตต์ พร้อมตั้งเป้า 3,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี
โดยพัฒนานวัตกรรม Heat Battery หรือ Thermal Energy Storage ประสิทธิภาพสูง สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าที่ได้จาก solar เป็นพลังงานความร้อน กักเก็บความร้อนไว้ใช้ในช่วงที่ไม่มีแสงแดด เพื่อให้โรงงานมีพลังงานไว้ใช้ ป้องกันปัญหาพลังงานขาดแคลน
จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเชื้อเพลิงจากขยะ (Refused Derived Fuel : RDF) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในโรงงานซีเมนต์ มุ่งสู่ Net Zero นอกจากนี้ ยังพัฒนาเม็ดพลังงานชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) เพื่อสร้างโอกาสให้ไทยเป็นผู้ส่งออกเชื้อเพลิงสะอาดภายในปี 2027
บริการขนส่งและซัพพลายเชนครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดย SCGJWD ธุรกิจที่เกิดจากการควบรวมระหว่าง SCG Logistic และ JWD ซึ่งสามารถให้บริการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ขนส่งสินค้าได้อย่างหลากหลายทั้งทางบก เรือ ราง อากาศ ทั้งยังรองรับสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษได้ อาทิ วัคซีน ยา งานศิลปะมูลค่าสูง รถยนต์ อาหารแช่แข็ง สินค้าอันตราย พร้อมด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วอาเซียนและจีน
สำหรับประโยชน์ของ Green Logistics คุณบรรณ เกษมทรัพย์ Co-CEO SCGJWD กล่าวเพิ่มว่า ช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยมลพิษ โดยบริษัทไม่ปล่อยให้มีเที่ยวเดินรถเปล่าๆ
"เราควบคุมและติดตามรถด้วยระบบ Telematics ซึ่งมีรถขนส่งวิ่งอยู่ 12,000 คัน ตลอด 24 ชม. มีตัวจับสัญญาณการขับและช่วยเตือนได้ และเรายังลงทุนนวัตกรรมโรบอต กับลดต้นทุนการใช้พลังงานด้วยการติดตั้ง Solar Roof บนรถด้วย"
เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ของเอสซีจีที่อยู่ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice จำนวน 232 รายการ และทางบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 67 ภายในปี 2573
ยกระดับวงการก่อสร้าง ทำให้สร้างเสร็จไว ลดวัสดุเหลือทิ้ง และประหยัดต้นทุนแรงงาน อาทิ CPAC Drone Solution, CPAC BIM, CPAC 3D Printing และ CPAC Bridge Solution โดยทางเอสซีจีตั้งเป้าว่าการเติบโต 30% ในปี 2023
ได้แก่ ลดการใช้ทรัพยากร โดยออกแบบให้รีไซเคิลได้ นำมาหมุนเวียนใช้ใหม่ และย่อยสลายได้ เช่น บรรจุภัณฑ์ของใช้ในบ้าน/เครื่องสำอาง แผ่นฟิล์มเคลือบบรรจุภัณฑ์อาหาร (LDPE Coating film) EcoBioPlas นวัตกรรมเร่งการย่อยสลายของพอลิโพรพิลีน หรือ PP ช่วยกระตุ้นการย่อยสลายทางชีวภาพ แก้ปัญหาพลาสติกที่หลุดรอดไปสู่ธรรมชาติ
SCGC ยังลงทุนใน KRAS Group ผู้นำด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้ครบวงจรจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล อีกทั้งลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ Braskem ผู้นำด้านพลาสติกชีวภาพระดับโลกจากประเทศบราซิล เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพในไทย และเพื่อผลิตเม็ดพลาสติกประเภท ไบโอ-พอลิเอทิลีน (Bio-Based Polyethylene) หรือ Bio-PE
เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร Fest by SCGP และนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษสำหรับอาหารสดแช่เย็นที่นำไปรีไซเคิลได้ ช่วยรักษาความสด สะอาด ปลอดภัยของอาหาร รวมทั้งนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ OptiBreath® ที่เก็บและยืดอายุผักผลไม้ และลดปัญหาขยะอาหาร
เพื่อการใช้ชีวิตที่สะดวก สบาย สุขภาพดี เอสซีจีจึงพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกันผ่าน IoT
สำหรับกลุ่มอาคาร (Smart Building) ได้แก่ SCG Bi-ion และ SCG HVAC Air Scrubber ติดตั้งแล้วที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดการประชุม APEC 2022 Thailand ห้างสรรพสินค้า อาทิ เทอร์มินอล 21 เซ็นทรัล อยุธยา สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ศิริราช ราชวิถี ราชพิพัฒน์ และสถาบันการศึกษา อาทิ วชิราวุธวิทยาลัย กลุ่มที่อยู่อาศัย บ้าน/คอนโดฯ (Smart Home Solution) ได้แก่ SCG Active Air Quality และ SCG Active AIRflow™ System โซลูชันการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อน โดยควบคุมผ่านเทคโนโลยีระบบ Trinity
เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อบ้านกับโรงพยาบาล ส่งข้อมูล ติดตามอาการ - ปรึกษาแพทย์แบบเรียลไทม์ พร้อมระบบขอความช่วยเหลือ แจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุผิดปกติ เช่น หกล้ม
เช่น COTTO X ONE ก๊อกน้ำอัจฉริยะพูดได้ มีระบบสั่งการเปิด-ปิดด้วยเสียง “Voice Interface” ประหยัดน้ำ และลดการสัมผัสที่เสี่ยงต่อเชื้อ และ BCI (brain-computer interface) สำหรับผู้ป่วยอัมพาต ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลสภาพการอยู่อาศัย ใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง และติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างได้สะดวกขึ้น
ช่วยทั้งด้านการลดต้นทุน ลดการใช้เวลา แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตได้
เป็นธุรกิจที่เติบโตในช่วงที่ผ่านมา 20% โดย สยามคูโบต้า ส่งเสริมเกษตรกร เพิ่มผลผลิต การเพาะปลูกแม่นยำ ช่วยให้ประหยัดต้นทุน ด้วยเทคโนโลยี IoT อาทิ รถปลูกผักอัตโนมัติ แทรกเตอร์ไร้คนขับ และยังมีแทรกเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาด ชาร์จไฟได้รวดเร็ว ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
ให้บริการออกแบบ ผลิตเครื่องจักรกลให้โรงงานต่างๆ ที่มีความต้องการที่หลากหลาย ให้ใช้เทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning ตั้งแต่กระบวนการผลิต ประกอบ บรรจุ ลำเลียงและระบบคลังสินค้า อาทิ เครื่องจักรกลช่วยไลน์ประกอบรถยนต์ หุ่นยนต์ช่วยจัดเรียงสินค้า เครื่องคัดแยกกุ้ง
“ผมเชื่อมั่นว่า ทุกโซลูชันที่เอสซีจีพัฒนาขึ้น จะช่วยให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอย่างประหยัด ปลอดภัย สะดวก และยังส่งต่อทรัพยากรให้คนรุ่นถัดไปตามแนวทาง ESG 4 Plus อีกทั้ง ยังคงมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนานวัตกรรมโซลูชันใหม่ๆ อยู่เสมอ พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” คุณรุ่งโรจน์กล่าวปิดท้าย
จะเห็นว่าโซลูชันของเอสซีจีที่แยกเป็นไลน์ธุรกิจต่างๆ เข้ามาช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกรวนได้หลากหลายมิติ สอดคล้องและตอบโจทย์ทั้งด้าน BCG และ ESG ในการนำพาบริษัทเติบโตต่อไปโดยคำนึงถึง Sustainability ทุกการขยับก้าว
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด