จากแรงกระเพื่อมของการหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าในชีวิตประจำวันและในกลุ่มอุตสาหกรรมในต่างประเทศ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นต์ จำกัด หรือ SHARGE ได้เล็งเห็นถึงโอกาสและมุ่งเดินหน้าดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการใช้งานรถ EV ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย ทั้งการเพิ่มจำนวนสถานี ผ่านการขาย การลงทุนและสร้างพันธมิตร พร้อมพัฒนาแอปพลิเคชั่น SHARGE เชื่อมต่อผู้ใช้รถ EV กับสถานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานเปรียบเสมือนการชาร์จแบตโทรศัพย์มือถือ ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถชาร์จแบตได้ตลอดเวลา ด้วย Concept ที่ว่า 'พลังงานต้องเดินเข้าหาคน มากกว่าที่คนจะเดินเข้าหาพลังงานเอง '
คุณพีระภัทร ศิริจันทโรภาส ผู้อำนวยการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นต์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกมีการสนับสนุนให้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังเพื่อลดมลภาวะทางอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ถูกยกให้เป็นวาระสำคัญระดับนานาชาติ ซึ่งมีการประเมินว่า นอร์เวย์จะเป็นประเทศแรกของโลก ที่บรรลุเป้าหมายในการผลักดันการใช้รถพลังงานไฟฟ้าได้ 100% ภายในปี 2025
สำหรับในประเทศไทย ความนิยมของการใช้รถพลังงานไฟฟ้ามีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากพฤติกรรมการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมียอดรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ที่จดทะเบียนสะสมในปี 2020 อยู่ที่ 2,079 คัน เติบโตสูงถึง 159% เมื่อเทียบกับยอดสะสมในปี 2019 ที่ 802 คัน ถึงแม้ตลาดรถยนต์จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมา
สำหรับเป้าหมายในระยะเวลา 3 ปี (2021-2023) บริษัทฯตั้งเป้าที่จะสร้างรายได้ 100 ล้านบาท พร้อมก้าวเป็นผู้นำตลาด EV Charging Station ในไทยภายใน 5 ปี ด้วยจำนวนผู้ใช้แอป SHARGE ที่มากที่สุด โดยบริษัทได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และมองว่าความต้องการของสถานีชาร์จจะสูงขึ้นสอดคล้องกัน
ในปี 2020 ที่ผ่านมา บริษัทรุกตลาดอย่างจริงจัง มุ่งยกระดับการเข้าถึง EV Charging Station ในแหล่งไลฟ์สไตล์ทั่วกรุงเทพฯ ตั้งแต่การผนึกพันธมิตรเพื่อลงทุนเปิดสถานีกับปตท. ตลอดจนอัปเกรดสถานีชาร์จที่ Central Embassy และ Central Chidlom เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า ตลอดจนการจับมือกับแสนสิริและ Central T1 Loyalty Program เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถ EV ในการค้นหาและจอง-จ่ายสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งของบริษัทฯ และเครือข่ายพันธมิตรในแหล่งไลฟ์สไตล์ทั่วกรุงเทพฯ ผ่านแอป SHARGE
ซึ่งจากกการสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า EV พบว่าส่วนใหญ่ต้องการให้มีพื้นที่ชาร์จแบตในสถานที่ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น ที่พักอาศัย ออฟฟิศทำงาน เป็นต้น เนื่องจากไม่ต้องการแวะตามสถานีต่างๆเพื่อรอเป็นเวลานาน โดยต้องการชาร์จทิ้งไว้แทน ซึ่งตรงนี้ยังไม่มีผู้เล่นรายอื่นเข้าไปเจาะตลาดมากนัก ดังนั้นจึงถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ในปี 2021 บริษัทจะมุ่งเน้นการเข้าถึง EV Charging Station ในทุกจุดหมาย และเดินหน้าขยายครอบคลุมไปถึงหัวเมืองหลัก เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี ระยอง อยุธยาและภูเก็ต ภายใต้ความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตลอดจนวางเป้าเพิ่มจำนวนหัวชาร์จรวมเป็น 700 หัวชาร์จ ผ่านการขาย การลงทุน และการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการสถานีอื่น ๆ ในแอป SHARGE และในปีนี้รุกพัฒนา Fleet Solutions เพื่อวางรากฐานโครงสร้างสถานีชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าเพื่อการขนส่งไทย โดยจะเริ่มเทสกับรถแท็กซี่ EV ในกรุงเทพฯก่อน หลังจากนั้นถึงจะขยายเข้าไปในนิคม
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด