Shopee ประเทศไทย ประกาศปรับลดเพื่อปรับโครงสร้าง โดยแหล่งข่าวภายในเผยกับ Techsauce ว่า ในขณะนี้ธุรกิจมุ่งการทำกำไรในระยะยาว พร้อมปรับปรุงให้บริษัทเดินหน้าไปต่อได้อย่างมั่นคง โดยการปรับลดพนักงานในครั้งนี้จะไม่กระทบกับการดำเนินงานหลักและไม่มีการยุบหน่วยบริการใดๆ
Shopee เผยกับ Techsauce ว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 26 กันยายน ได้มีการประกาศ Townhall ครั้งใหญ่กับพนักงานในบริษัท โดยเนื้อหาของการประกาศครั้งนี้มีเนื้อหาสำคัญ คือ การปรับโครงสร้างและรัดเข็มขัด ซึ่งที่ผ่านมาได้มีข่าวเกี่ยวกับการปรับลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในแผนของการปรับโครงสร้าง รวมทั้งการใช้จ่ายในบริษัท ที่จะมีการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา Shopee มีความเคลื่อนไหวดังนี้
ทางด้านผู้บริหาร ระบุ “เป็นการตัดสินใจที่ยากแต่จำเป็น เพราะ Shopee ต้องรัดเข็มขัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มีความแข็งแกร่งในระยะยาว ทำให้ Shopee ไปอยู่ในจุดที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ การปรับลดพนักงานดังกล่าวอยู่ในแผนงานของ Shopee ในภูมิภาคนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการปรับลดพนักงานในภูมิภาค SEA โดยการปรับครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานโดยภาพรวมของบริษัท ทุกอย่างยังคงเดินหน้าต่อ โดยปัจจุบัน Shopee มีพนักงานในไทยประมาณ 1,000 คน”
ก่อนหน้านี้ทาง Sea Group ได้ระบุถึงความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับความไม่แน่นอนในระดับมหภาค มุ่งเน้นกลยุทธ์ในเชิงรุกเพื่อมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพและการเพิ่มประสิทธิภาพความแข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรในระยะยาวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
Shopee เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่อยู่ภายใต้ Sea Group โดยมีธุรกิจอื่นๆ ในเครือ ทั้งธุรกิจสื่อบันเทิงดิจิทัล (Digital Entertainment) อย่าง Garena ที่ผลิตเกมออนไลน์ชื่อดังทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ชื่อดังจำนวนมาก อาทิ ROV, Free Fire, PUBG, League of Legends และธุรกิจให้บริการทางการเงิน Digital อาทิ AirPay, ShopeePay, SPayLater ต่อมาในปี 2017 Sea Group ได้ขายหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ในสหรัฐอเมริกา ทำให้ธุรกิจหลักอย่างอีคอมเมิร์ซมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
ตลอดช่วงที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซต้องเผชิญกับการปรับตัวทางธุรกิจต่อค้นหากลยุทธ์เพื่อทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ Shopee เองมีความพยายามที่จะก้าวกระโดดไปเป็น Super App ไม่ต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นในอุตสาหกรรม ทั้งการขยายบริการสู่ภูมิภาคอื่นๆ หรือขยายการให้บริการเพิ่มขึ้น
สำหรับการเข้ามาดำเนินการในประเทศไทย Shopee เปิดตัวบริการใหม่เรื่อยๆ เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Shopee Pay ที่รีแบรนด์จาก Airpay ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจภายใต้ SeaMoney ของ SEA Group บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ Shopee Express บริการจัดส่งสินค้า และที่พึ่งเปิดตัวล่าสุดอย่าง ShopeeFood บริการรับส่งอาหาร
จุดเฟื่องฟูของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเกิดใหม่ในปัจจุบันนั้น ต่างต้องเผชิญกับการเผาเงินจำนวนมาก เพื่อเพิ่มยอดการเข้าใช้ในขณะเดียวกันกับแบกต้นทุนที่สูง Shopee มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจเพื่อแข่งขันในตลาดอย่างดุเดือด จนกระปัจจุบันที่ราคาหุ้นของ Sea ลดลงจากจุดสูงสุดถึง 80% จากมูลค่าในตลาดที่ลดลง และอัตราการใช้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ลดลงหลังจากผ่านสถานการณ์โรคระบาด ไม่ใช่แค่ Shopee แต่ทั้งอุตสาหกรรมยังถูกท้าทายอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ถดถอย นอกจากนี้ Shopee ยังต้องเผชิญกับความยากลำบากในการขยายตลาดในภูมิภาคอื่นๆ ที่มีกฎระเบียบรองรับที่แตกต่างกันไป ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่บริษัทต้องถอนการดำเนินการออกมา ก่อนหน้านี้ เช่น ในอินเดียและฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าสนามอีคอมเมิร์ซจะมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไปในทิศทางใดบ้าง เพราะในช่วงที่ผ่านมา ผู้เล่นรายอื่นๆ เริ่มพลิกกลับมามีกำไรแล้วพร้อมติดตามว่า Sea Group และ Shopee ที่ระบุว่ายังคงมีความเชื่อมั่นในการสร้างโอกาสสำหรับการเติบโตในระยะยาวในตลาดได้ดีขึ้นนั้นจะมีทิศทางอย่างไรเพื่อเตรียมการทำกำไรในช่วงหลังจากนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด