ไม่ช้าก็เร็ว สิงคโปร์จะกลายเป็นศูนย์กลางด้าน AI ของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมีทุกอย่างพร้อมสรรพ ทั้งรัฐบาลที่สนับสนุน มองการณ์ไกล เอกชนที่พร้อมนำเสนอสิ่งใหม่ และคนทำงานที่พกทักษะมาเต็มกระเป๋า
ในคำแถลงงบประมาณปี 2024 Lawrence Wong รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสิงคโปร์ ได้เปิดแผนลงทุนครั้งใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ ด้วยเม็ดเงินลงทุนมากกว่า 743 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 ปีข้างหน้านับจากนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้าน AI ให้ประเทศ
เงินลงทุนส่วนหนึ่งจะถูกใช้เพื่อสร้างศักยภาพให้สามารถเข้าถึงชิปขั้นสูง (Advanced Chip) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาและใช้งาน AI นอกจากนั้นสิงคโปร์จะทำงานร่วมกับบริษัทชั้นนำทั่วโลก เพื่อจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้าน AI และกระตุ้นให้เกิดการสร้างนวัตกรรม
สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่มีแผนงานด้าน AI เป็นกิจลักษณะ และเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 ก่อนที่กระแสการใช้งาน AI จะเริ่มมาแรงขึ้นช่วงปลายปี 2022 หลัง ChatGPT เปิดตัว และในปี 2023 ก็ได้เปิดแผน National AI Strategy 2.0 เวอร์ชันอัปเดตที่มีรายละเอียดการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อเสริมศักยภาพให้คนทำงานและธุรกิจ
จากการศึกษาของ Capital Economics ซึ่งจัดอันดับประเทศที่จะได้รับประโยชน์จาก AI ปรากฎว่าสิงคโปร์มาเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยอังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์
สิงคโปร์ยังออกแบบวิธีกำกับดูแลเทคโนโลยี AI และส่งเสริมการใช้อย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยการเปิดตัว AI Verify ในปี 2022 ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์คและชุดเครื่องมือซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้อุตสาหกรรมมีความโปร่งใสมากขึ้น และเพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้งาน
นอกจากความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน การให้ความสำคัญกับการลงทุน แรงงานในสิงคโปร์ยังพร้อมมากที่จะใช้ปัญญาประดิษฐ์
รายงาน The Global Future of Work Report: State of AI @ Work ล่าสุดของ LinkedIn ระบุว่า พนักงานในสิงคโปร์นำทักษะด้าน AI มาใช้ได้เร็วที่สุดในโลก จากการสำรวจพนักงานทั้งหมด 25 ประเทศ และนับตั้งแต่ปี 2016 ถึง 2022 ผู้มีความสามารถด้าน AI ในสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นถึง 565% แซงหน้าออสเตรเลีย ที่เพิ่มขึ้นเพียง 527% ,อินเดีย 487% และญี่ปุ่น 334%
ทั้งหมดนี้ก็ด้วยปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศที่แข็งแกร่ง การทำงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่แข็งแกร่ง รวมไปถึง Ecosystem ในประเทศที่พร้อมสนับสนุนด้านเทคโนโลยี ที่ดึงดูดบริษัทร่วมทุนและนักลงทุนเข้ามา
อ้างอิง : CNBC , Straitstimes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด