สิงคโปร์สร้างทางเดินใหม่ เผยจะไม่ย้อนกลับไปสู่ยุคก่อน COVID-19 | Techsauce

สิงคโปร์สร้างทางเดินใหม่ เผยจะไม่ย้อนกลับไปสู่ยุคก่อน COVID-19

“สิงคโปร์จะไม่ย้อนกลับไปในยุคก่อน COVID-19 อีกต่อไป และจะต้องสร้างเส้นทางก้าวใหม่ด้วยการสร้างเศรษฐกิจใหม่ในตอนนี้” นายชาน ชุง ซิง (Chan Chung Sing) รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสหกรรมของสิงคโปร์ได้กล่าวในงานแถลงข่าวในวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา

โดยทางนายชาน ชุง ซิงยังเผยอีกว่า เศรษฐกิจของสิงคโปร์ในช่วงครึ่งปีแรกนั้นหดตัวถึง 6.7 เปอร์เซ็น และคาดว่าจะหดตัวลงระหว่าง 5 ถึง 7 เปอร์เซ็นภายในปีนี้ การระบาดระลอกใหม่อยู่ซ้ำ ๆ นั้นทำให้เกิดการชะงักตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การฟื้นตัวนั้นจะใช้เวลา แต่ละภาคส่วนนั้นจะฟื้นตัวแตกต่างกัน บางภาคส่วนอาจจะสามารถฟื้นตัวได้เร็ว ในขณะที่บางภาคส่วนนั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร

วิกฤติในครั้งนี้นั้นไม่เหมือนกับวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 1998 หรือวิกฤติการเงินโลกในปี 2009 ที่ถ้าเราล้ม ทุก ๆ อย่างนั้นจะเริ่มดีขึ้นภายในไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่สำหรับวิกฤติ COIVD-19 ถ้าเรารอ เราอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าตอนนี้ก็เป็นได้ ทำให้สิงคโปร์นั้นจะต้องเริ่มสร้างเศรษฐกิจใหม่ และจะต้องสร้างโอกาสการทำงานที่มากขึ้นและดีขึ้นให้กับผู้คน

เมื่อโลกหลัง COVID-19 ได้เปลี่ยนไปแล้ว

นายชานนั้นได้เผยถึง 4 สิ่งที่โลกได้เปลี่ยนไปอย่างไม่สามารถย้อนกลับ 

1. สภาพภูมิรัฐศาสตร์ที่เคยเปิดโอกาสให้สิงคโปร์เจริญเติบโตใน 50 ปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนไปแล้ว การแข่งขันและความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจนั้นไม่ได้อยู่แค่เรื่องของการเมืองอีกต่อไป แต่อยู่ในเรื่องของการค้า, เทคโนโลยี และเรื่องความปลอดภัยเช่นเดียวกัน ทำให้ทางสิงคโปร์นั้นจะต้องหลีกเลี่ยงและระวังในการตกไปอยู่ระหว่างความขัดแย้งของ 2 มหาอำนาจ หรือติดอยู่ในความสัมพันธ์การค้าหรือมาตรฐานทางเทคโนโลยีที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย

2. บริษัทระดับโลกนั้นกำลังปรับเปลี่ยนระบบการผลิตและห่วงโซ่อุปทานใหม่ การพิจารณาถึงความจำเป็นในการมีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคและการจัดหาสถานที่ตั้งของโรงงาน หลาย ๆ ที่นั้นได้ปรับเปลี่ยนโฟกัสของตัวเองจากการเน้น ‘ประสิทธิภาพ’ มาเน้นในเรื่องของ ‘ความยืดหยุ่น’ แทน

หลาย ๆ บริษัทนั้นอยากที่จะกระจายบริษัทออกไป ทำให้พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องขึ้นอยู่กับสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ซึ่งนี่ก็หมายความว่าการลงทุนใหม่ ๆ ก็อาจจะเข้ามาในสิงคโปร์ และการลงทุนที่มีอยู่ก็อาจจะกระจายไปในประเทศอื่น ๆ ซึ่งนี่ทำให้สิงคโปร์นั้นจะต้องปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยการเพิ่มข้อได้เปรียบที่สำคัญ เช่น การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา หรือความแน่นอนของตัวกฎหมาย

3. โลกแห่งการทำงานได้เปลี่ยนไป ผู้คนนั้นสามารถทำงานจากทางไกลได้ ซึ่งนี่หมายความว่าผู้ที่อยู่ในประเทศอื่นนั้นสามารถที่จะทำงานของคนสิงคโปร์จากที่บ้านได้ ซึ่งนี่จะส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในกลุ่ม PMETs หรือผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาชีพ (Professional), ผู้จัดการ (Managers), ผู้บริหาร (Executives) และช่างเทคนิค (Technical) ซึ่งสามารถที่จะทำงานได้ผ่านทางออนไลน์ หรือผ่านระบบอัตโนมัติและ AI

4. ส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจที่หดตัวลงนั้นจะสร้างความขัดแย้งทางสังคมมากขึ้น ระหว่างผู้ที่มีมากกว่าและผู้ที่มีน้อยกว่า ระหว่างชาวต่างชาติและคนในท้องถิ่น หรือแม้แต่ระหว่างประชาชนและผู้อยู่อาศัยถาวร (Permanent Residents)

ถึงแม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้มีการปกป้องที่มากขึ้นและการจัดสรรปันส่วนใหม่ ทางรัฐก็ได้เตือนชาวสิงคโปร์ว่าเราไม่ควรที่จะแยกตัวออกมาจากสังคมโลก หากเราตัดขาดจากโลกและตลาดต่าง ๆ นั้นจะส่งผลเสียมากกว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้ชาวสิงคโปร์ ทำให้เรานั้นจะต้องหาเส้นทางใหม่ในตอนนี้ เพื่อที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต

3 หลักการของสิงคโปร์ ก้าวสู่โลกใหม่หลัง COVID-19

1. สิงคโปร์นั้นจะเริ่มให้ธุรกิจนั้นกลับมาเปิดด้วยความปลอดภัยและความยั่งยืน โดยกิจกรรมต่าง ๆ นั้นจะได้รับการจัดการอย่างเป็นสัดส่วน ด้วยมาตรการที่เข้มงวดขึ้นสำหรับกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง “เหนือสิ่งอื่นใด หากเราแต่ละคนนั้นมีความรับผิดชอบต่อสังคม เราก็สามารถที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้นโดยมีความเสี่ยงน้อยลง”

2. รัฐบาลนั้นจะช่วยธุรกิจและแรงงานนั้นปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ รัฐบาลนั้นจะสนับสนุนบริษัทที่มีโอกาสที่ดี เช่น ไบโอฟาร์มา, ห่วงโซอุปทาน และวิศวกรรมความแม่นยำ จะสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าดึงดูดและเอื้อต่อ Startups ในการลงทุนในสิงคโปร์ในระยะยาว รวมถึงการเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤติครั้งนี้และกลุ่มธุรกิจที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร

3. รัฐบาลจะสร้างเงื่อนไขระดับมหาภาคที่เหมาะสม ซึ่งนี่รวมถึงการเสริมสร้างการเชื่อมต่อระหว่างสิงคโปร์และตลาดโลก สำหรับสินค้า, เทคโนโลยี และแรงงานที่มีความสามารถนั้นเข้มแข็งขึ้น โดยข้อตกลงการค้าเสรีดิจิทัลนั้นจะทำให้ธุรกิจนั้นสามารถเข้าถึงตลาดต่าง ๆ ได้มากขึ้น ในขณะที่ยังรักษาการเข้าถึงตลาดเดิมที่มีอยู่ นอกจากนั้นทางรัฐบาลก็จะยังฝึกอบรมชาวสิงคโปร์ให้พร้อมกับงานที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ที่จะเสริมสร้างการจับคู่งานให้ยิ่งดีมากขึ้น

เราจะไม่รอให้ COVID-19 นั้นทำลายเรา แต่เราจะเริ่มจากตอนนี้ โดยการสร้างเศรษฐกิจของเราขึ้นมาใหม่ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับคนของเราและคนรุ่นต่อไป


อ้างอิง: Straitstimes


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

SCB EIC เผยผลกระทบจาก Trump 2.0 ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 2568 เผชิญความท้าทายด้านการค้า การผลิต และการลงทุน

ในปี 2568 โลกจะเริ่มเผชิญกับความท้าทายจากผลของนโยบายเศรษฐกิจภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกว่า “Trump 2.0” ซึ่งถือเป็นการกลับมาใหม่ในเวอร์ชันที่มีอำนาจบริหารที่แข...

Responsive image

“Betagro Ventures” ร่วมลงทุน “Plantible” รอบ Series B มุ่งสร้างระบบอาหารที่มั่นคงและยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม Rubi Protein® ตอบโจทย์อาหารแห่งอนาคต

“BETAGRO Ventures” หน่วยงานด้านการลงทุนและพัฒนานวัตกรรม ภายใต้ “บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)” หรือ “BTG” ประกาศความสำเร็จในการร่วมลงทุน “Plantible” รอบ Series B มูลค่า 30 ล้านเหรีย...

Responsive image

ยกเลิกแบน iPhone 16 ไม่ง่าย อินโดฯ ยังไม่พอใจข้อเสนอลงทุน Apple ชี้ยังไม่เป็นธรรมสำหรับประเทศ

เรื่องราวระหว่าง Apple และอินโดนีเซียดูเหมือนจะยังไม่จบลงง่ายๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศแบน iPhone 16 ห้ามวางจำหน่ายในประเทศ ใครใช้ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย...