ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในฐานะบริษัทผู้ทำการวิจัยและลงทุนด้าน Prop Tech อย่างครบวงจรเต็มรูปแบบรายแรกของไทย สำหรับ สิริ เวนเจอร์ส (Siri Ventures) ที่ล่าสุดไปร่วมงาน Techsauce Global Summit 2018 เพื่อเผยความสำเร็จของการลงทุนใน Startup พร้อมมุ่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเติมเต็มการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้แนวคิด “Complete Your Living Experience” โดยได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างล้นหลามเพราะ Siri Ventures ทั้งเปิดเวทีเฟ้นหาสตาร์ทอัพด้าน Prop Tech จนได้ผู้ชนะเป็นทีม “One Stock Home” เว็บไซต์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างแบบครบวงจรเจ้าแรกของไทยที่ Siri Ventures จะพาบินลัดฟ้าไปเสนอแผนธุรกิจกับนักลงทุนระดับโลกปลายปีนี้ที่ซิลิคอน วัลเลย์ นำไฮไลท์ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีต่าง ๆ มาจัดแสดงภายในงาน พร้อมชวนสองผู้บริหารเครือข่ายสตาร์ทอัพระดับโลกอย่าง Plug and Play และ SOSA มาร่วมแบ่งปันกลยุทธ์สำคัญและสร้างความมั่นใจในการออกไปลุยตลาดโลกอีกด้วย
คุณจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัทสิริ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “จากการเป็นส่วนหนึ่งของงาน Techsauce Global Summit 2018 ในวันนี้ แสดงให้เห็นว่า Siri Ventures ไม่เคยหยุดนิ่งต่อการลงทุน ค้นหา และพัฒนานวัตกรรมที่ในที่สุดแล้วกลับมาตอบโจทย์การยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับลูกบ้านแสนสิริ ภายใต้แนวคิด Complete Your Living Experience ซึ่งถือว่าได้รับความสนใจจากผู้คนที่เข้ามาร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งการจัดงานประกวด Siri Ventures Startups Pitching เพื่อเฟ้นหาสุดยอดทีมสตาร์ทอัพ ซึ่งในที่สุดเราก็ได้ทีมผู้ชนะอย่าง “OneStockHome” ผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างออนไลน์ ที่เราจะพาไปร่วมเดินทางไปเสนอแผนธุรกิจที่ Silicon Valley ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการ Startup ไทยที่จะได้มีโอกาสไปสัมผัส Startup Ecosystem ต้นแบบของโลกผ่านการศึกษาและนำเสนอแผนงาน นับเป็นประสบการณ์ครั้งใหม่ที่ Startup ไทยหลายรายอยากมีสักครั้ง”
คุณอนวัช คิมหสวัสดิ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท วันสต็อกโฮม จำกัด เจ้าของเว็บไซต์ One Stock Home กล่าวว่า “OneStockHome เป็น Platform ขายวัสดุก่อสร้างรายแรกของไทยที่กำลังมุ่งพัฒนา Machine Learning features เพื่อเก็บข้อมูลทั้งจาก End User และผู้รับเหมา พร้อมจัดทำ Data Analytic กลับไปยังผู้ผลิต เพื่อนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิตและช่วยลดต้นทุน และให้บริการกับผู้ซื้อได้มากขึ้น การเข้ามาร่วม Pitching ครั้งนี้ มีส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับ Startup Ecosystem ในไทย และช่วยกระตุ้นให้ Startup ไทยลับคมความสามารถให้เชี่ยวชาญขึ้นได้ สิ่งที่สำคัญคือการทดลองตลาด หากไม่สำเร็จ ก็ต้องปรับวิธีและทดลองใหม่ ผมว่านี่คือสิ่งที่จะทำให้สตาร์ทอัพโตได้ ส่วนการได้ไปเสนอแผนธุรกิจที่ Silicon Valley น่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราอาจเรียนรู้ว่า อาจมีกลุ่มลูกค้าที่เราต้องการจริงๆ ซึ่ง One Stock Home เล็งเห็นว่าเมืองไทยอาจจะไม่ใช้เป้าหมายตลาดที่เดียวของเรา เราอาจมีกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศด้วย และนี่คือโอกาสที่เราจะได้ลองค้นหาช่องทางใหม่ เพื่อให้ทดลองทำสิ่งใหม่ๆด้วยเช่นเดียวกัน”
“เหตุผลที่เราเลือกให้ทีม OneStockHome เป็นผู้ชนะ จากทั้งหมด 17 ทีมที่เข้ารอบ ก็เพราะเป็นทีมที่มีความพร้อมในทุกด้านทั้งในเชิงนวัตกรรมและโครงสร้างธุรกิจที่น่าสนใจ กล่าวคือทีมนี้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ที่ครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทย เป็นทีมที่มีศักยภาพมากที่สุด เพราะเป็น Marketplace ของวัสดุก่อสร้างที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจจริงมาแล้วถึง 2 ปี เรามองว่าทีมนี้มีความพร้อมในการไปศึกษาและนำเสนอแผนงานที่ซิลิคอน วัลเลย์ช่วงปลายปีนี้ และมีแนวโน้มที่ธุรกิจสามารถเติบโตได้ในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายของ Startup ไทยหลายๆราย โดยหลังจากนี้เรามีแผนที่จะหารือถึงโอกาสในการทำงานร่วมกันระหว่างสิริ เวนเจอร์ส ทีมผู้ชนะและทีมที่เข้ารอบอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นที่จะผลักดันและสนับสนุน Startup ไทยที่มีศักยภาพเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Startup Ecosystem ในเมืองไทย ” นายจิรพัฒน์ กล่าวเสริม
ภายในงาน Techsauce Global Summit 2018 ทาง Siri Ventures ยังมีการจัดแสดงนวัตกรรมด้าน Prop Tech ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรม “Wind Turbine” จาก Semtive Startup ชั้นนำผู้พัฒนากังหันลมสำหรับที่พักอาศัยจากสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในไทย โดย Semtive เป็น Startup ที่ Siri Ventures ได้เข้าไปร่วมลงทุนมูลค่า 15 ล้านบาท การจัดแสดง Home Service App ที่สามารถสั่งการด้วยเสียง, หุ่นยนต์ SAN: DEE AI ช่วยวางแผนงานก่อสร้าง, เทคโนโลยี AR และ VR สำหรับควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง โดยหลายนวัตกรรมที่นำมาแสดงเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นโดย Startup ไทย
ขณะเดียวกัน Siri Ventures ยังได้จัดเสวนาร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง SOSA และ Plug and Play หนึ่งในบริษัทร่วมทุน Ventures Capital ที่เติบโตมากที่สุดใน Silicon Valley เพื่อมาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนอย่างน่าสนใจ ทั้งในเรื่องของเทรนด์ Property Technology ที่กำลังมาแรง และกลยุทธ์สำคัญที่จะพา Startup ไทยไปเติบโตในเวทีระดับโลกท่ามกลางปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนา Prop Tech ในโลกยุคปัจจุบัน
คุณชอน เดฮ์พานาฮ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายพันธมิตรองค์กรและนวัตกรรม จากบริษัท Plug and Play พูดได้อย่างน่าสนใจว่า “ด้วยประสบการณ์ในฐานะที่เราเป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายที่เชื่อมโยง Startup กับนักลงทุนและองค์กรจากทั่วโลก ผ่านเครือข่าย Startup กว่า 6,000 รายจากกว่า 13 สาขาทั่วโลก มีพันธมิตรองค์กรมากกว่า 220 บริษัท VC กว่า 180 ราย และมีสำนักงานตั้งอยู่ในกว่า 28 แห่งทั่วโลก ผมมองว่า Startup ที่จะก้าวไปสู่การเติบโตและความสำเร็จในระดับโลกต้องอาศัย Startup Ecosystem ที่ดี เปรียบเหมือนการที่เรามีรถยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ที่ดี ก็ทำให้เราไปถึงที่หมายได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ที่สำคัญกว่านั้นคือ คุณต้องรู้จักตัวเองดีพอ รู้จักลูกค้าของตัวเองดีพอว่ากำลังสร้างผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมนั้นออกมาขายใคร และมีความพร้อมที่จะรับความสำเร็จที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างเต็มที่ด้วย"
"นอกจากนี้ Startup ควรมีทักษะในการดำเนินธุรกิจที่เป็นสากล รู้จักคิดอย่างมีกลยุทธ์ และต้องมองการ์ไกลถึงในระดับโลกเพื่อให้นวัตกรรมที่คิดขึ้นมาเข้าถึงคนจำนวนมาก ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสประสบความสำเร็จที่มากขึ้น วิธีคิดแบบนี้คือวิธีคิดที่ดึงดูดนักลงทุนมากกว่า Startup ที่มีเป้าหมายเฉพาะในตลาดภายในประเทศ”
คุณเบน สตรูว์โก ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมองค์กรจากบริษัท SOSA กล่าวว่า “ตลาดของนวัตกรรม Prop Tech นั้นมีศักยภาพในการเติบโตสูงมากในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกกำลังพัฒนาไปสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุด้วย และการที่คนรุ่นใหม่ไม่นิยมซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่โตเกินตัวเพื่อเป็นเจ้าของโดยไม่จำเป็นด้วย ตรงนี้คือเทรนด์ที่น่าขบคิด ในขณะเดียวกัน บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ก็ต้องการก้าวล้ำหน้าคู่แข่งในตลาดด้วย ผมคิดว่านี่คือช่องว่างที่น่าสนใจสำหรับสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาสร้างสรรค์นวัตกรรม Prop Tech เพื่อตอบโจทย์ทั้งลูกค้าในยุคปัจจุบันและลูกค้าที่เป็นองค์กรที่กำลังมองหานวัตกรรมใหม่ ๆ เหล่านี้ อีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากแนะนำให้กับสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ในเมืองไทยก็คือ การหาพันธมิตรที่ตอบโจทย์ในธุรกิจของคุณในแต่ละตลาด การเรียนรู้เรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษา ตลอดจนความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในกฎระเบียบของภาครัฐในแต่ละตลาดที่คุณต้องการเข้าไปสร้างเติบโต ทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณมีความพร้อมที่จะเติบโตได้ในระดับโลก”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด