Sony จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลด้านสิทธิ์ในการใช้งาน (Digital Rights Data) บน Blockchain เพิ่ม หลังจากเคยจดสิทธิบัตรการนำ Blockchain มาใช้ในการเก็บข้อมูลในการยืนยันตัวตนและการจัดการข้อมูลด้านการศึกษามาก่อนหน้านี้แล้ว
CoinDesk รายงานว่าบริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่าง Sony จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลด้านสิทธิ์ในการใช้งาน (Digital Rights Data) บน Blockchain กับสำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (United States Patent and Trademark Office) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทาง Sony อธิบายว่า Solution การจัดเก็บ Digital Rights Management (DRM) ในปัจจุบันมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำงานร่วมกัน จึงอาจมีความน่าเชื่อถือไม่มากนักและอาจจะยังมีข้อบกพร่องอยู่ ซึ่งถ้าผู้ให้สิทธิ์ในการใช้งานทำกุญแจเข้ารหัสหลุดออกไป ผู้ใช้อาจสูญเสียข้อมูลที่มี DRM ผูกไว้อยู่
ซึ่ง DRM ยังมีจำกัดอีกอย่างหนึ่ง คือ การเข้าถึงสิทธิ์การใช้งาน DRM จะอยู่ที่ผู้ใช้บริการที่เข้าถึงได้เท่านั้น ซึ่ง Sony ได้ยกตัวอย่างระบบ UltraViolet ของตัวเองที่เป็นเสมือนตู้ล็อกเกอร์บนออนไลน์ที่เก็บสิทธิ์ผู้ใช้งานไว้อยู่ ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องนี้
ซึ่ง Sony ระบุในสิทธิบัตรว่า Blockchain จะช่วยในการเก็บข้อมูลยืนยันตัวตนที่จำเป็นต้องใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้ดู Product ที่เขาซื้อมาได้อยู่อีกทางหนึ่ง ซึ่งต่างจากเดิมที่ไม่ได้มีการเก็บ DRM ไว้กับผู้ให้บริการ โดยจะสามารถจัดการสิทธิ์การใช้งานของไฟล์ต่าง ๆ ได้หลากหลายขึ้น เช่น ภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์, วิดีโอ, เพลง, เสียง, เกม, ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์, ข้อมูลทางการแพทย์ เป็นต้น
ในสิทธิบัตรอธิบายถึงการนำศักยภาพของเทคโนโลยีมาใช้งานว่า สิทธิ์ผู้ใช้งานของแต่ละคนจะถูกเก็บ Blockchain ที่แยกกันโดยเฉพาะ โดยบัญชีผู้ใช้ของแต่ละคนจะมี Genesis Block หรือบล็อกเริ่มต้นเพื่อเก็บข้อมูลยืนยันตัวตนของผู้ใช้ จากนั้นเมื่อมีการสั่งซื้อ Content ต่าง ๆ เช่น เพลงหรือภาพยนตร์ เกิดขึ้น สิทธิ์การใช้งานต่าง ๆ ก็จะถูกเก็บไว้ใน Blockchain ของผู้ใช้นั้น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ตามภาพด้านล่าง
พร้อมกันนี้ ยังระบุว่า ระบบ DRM ที่จดสิทธิบัตรไว้จะสามารถยืนยันสิทธิ์ที่มีบน Blockchain และถอดรหัสเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Media File ได้ตามที่ต้องการ โดยระบบดังกล่าวจะถูกใช้ผ่านตัวแทนของ DRM (DRM Agent) เมื่อเรานำไปใช้บนอุปกรณ์อื่น ๆ ของเราเองได้อีกด้วย
อ่านรายละเอียดของสิทธิบัตรดังกล่าวได้ที่นี่
ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานออกมาว่า Sony ก็เคยจดสิทธิบัตรการนำ Blockchain มาใช้ในการเก็บข้อมูลในการยืนยันตัวตน (Authentication User) และข้อมูลด้านการศึกษา (Education Data) อีกด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก CoinDesk
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด